'เหวง'ย้ำไม่ทำประชามติ-ลุยโหวตวาระ3
'เหวง'เชื่อหาก'เพื่อไทย'ยังรั้นจะทำประชามติ ถูกยื่น'ศาลรธน.'ตีความแน่ ด้าน'40 สว.'หนุนประชามติ!เชื่อไม่ผ่าน ชี้การออกเสียงเป็นสิทธิ์ ไม่ใช่หน้าที่
25 ธ.ค.55 นพ.เหวง โตจิราการ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หากพรรคยืนยันเดินหน้าทำประชามติ ทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงจะเสียหายจนไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญฉบับอำมาตยาธิปไตยได้อีกเลย เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 ระบุให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง ซึ่งขณะนี้ล่าสุดจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศมีเกือบๆ 50 ล้านคน ดังนั้นต้องใช้เสียงเห็นชอบมากกว่า 25 ล้านเสียง ไม่ใช่เป็นไปตามที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ระบุว่า ให้ยึดตามมาตรา 9 ของ พรบ.ออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ที่ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ทั้งนี้หากเดินหน้าทำประชามติตามแนวทางที่นางสดศรีบอกก็อาจจะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกรอบ และมีความเป็นไปได้สูงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะบอกว่า ต้องยุติด้วยเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง ที่สำคัญหากทำประชามติแล้วแพ้จะยิ่งเป็นอันตรายต่อรัฐบาล เพราะต้องถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ ดังนั้นจึงกังวลในเรื่องนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลเสียหาย
"อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ควรเดินหน้าลงมติวาระ 3 ต่อไป เพราะยังไม่เห็นช่องทางพ่ายแพ้ เนื่องจากมีเสียงมติตอบรับท่วมท้นในวาระ 1 และ2 ถ้าหากจะแพ้ก็คือ บางคนที่ลงมติรับไปแล้วทรยศหักหลังตัวเองเท่านั้น ส่วนการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความข้อสงสัยต่างๆ ก่อนทำประชามตินั้น ขณะนี้ไม่สามารถยื่นได้ เพราะต้องรอให้เกิดเหตุก่อนจึงจะยื่นได้" นพ.เหวง กล่าว
40 ส.ว.หนุนประชามติ!เชื่อไม่ผ่าน ชี้การออกเสียงเป็นสิทธิ์ ไม่ใช่หน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ โดยมีนางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายประสาร มฤคพิทักษ์ สว.สรรหา หารือว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็น "บางบอนเรียงมาตรา" หรือ" ปฏิญญาเขาใหญ่" ในที่สุดก็ต้องศิโรราบให้ "ดูไบประกาศิต" ความจริงศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ทางสว่างไว้แล้วว่า โดยลำพังรัฐสภาสามารถแก้ไขรายมาตราได้ แต่ผู้ที่แก้ไขก็ไม่เลือก แต่เลือกวิถีทางซึ่งเป็นปัญหาเพราะการแก้ไขเรียงมาตราเป็นวิธีที่หงายไพ่ โปร่งใสเปิดเผยว่า ต้องการจะลบล้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ใช่หรือไม่ เพื่อต้องการยกเลิกองค์กรอิสระ หรือควบคุมให้อยู่ในอำนาจ ซึ่งกำลังทำหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างเข้มข้นอยู่ รวมถึงการจะไปยกเลิกมาตรา 66 และ 67 ให้อำนาจชุมชนพิทักษ์ดิน น้ำ ป่า อากาศ ไว้อย่างแข็งขัน แต่เป็นวิธีการที่เผยไต๋มากเกินไปจึงไม่เลือก อยากเรียนว่า ประกาศิตดูไบ ประชามติเดินหน้าไปเลยประชาชนจะได้เรียนรู้ เข้าใจ ได้อย่างชัดแจ้ง ตนไม่ใช่หมอดูแต่บอกได้ว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะมีความล้มเหลวเป็นที่หมาย
ด้านนายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา หารือว่า การออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ การขัดแย้งของรัฐบาลกับแกนนำนปช. จะโหวตคว่ำวาระ 3 หรือเดินหน้าโหวตวาระ 3 แต่ตนคิดว่า การลงประชามติที่คนทางไกลเสนอมา ชอบแล้ว การเดินหน้าประชามติเป็นทางออกของบ้านเมืองตอนนี้ ในฐานะที่เป็นผู้เข้าชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ตนยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญให้คำวินิจฉัย ไม่ใช่ให้คำปรึกษา ซึ่งศาลเห็นว่า อำนาจสูงสุดในการสถาปนาองค์กรสูงสุดทางบ้านเมืองและอำนาจที่จะทำรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่เป็นของประชาชน ซึ่งมีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ เมื่อองค์กรที่ถูกขัดตั้งขึ้นมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นไปไม่ได้ที่องค์กรที่รับอำนาจจากรัฐธรรมนูญจะใช้อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหมือนการแก้กฎหมายอื่นตามรัฐธรรมนูญ
นายสมชาย กล่าวต่อว่า รัฐสภาเป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งโดยรัฐธรรมนูญจึงไม่มีอำนาจที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ การตรารัฐธรรมนูญเป็นกระบวนลงประชามติโดยประชาชน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 แม้จะเป็นอำนาจของรัฐสภา แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับก็ยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ต้องกล่าวย้ำเพราะมีการสับสนในการให้ข่าวของผู้ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า การออกเสียงประชามติเป็นแค่สิทธิ์ไม่ใช่หน้าที่ การไม่ไปออกเสียงประชามติ ไม่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ แต่จะผิดถ้ากระทำผิดตามมาตรา 43 และมาตรา 38 เเห่ง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 จึงขอให้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ให้การออกเสียงประชามติเป็นไปอย่างโปร่งใสยุติธรรม เมื่อผลออกมาอย่างไรก็ต้องเคารพตามนั้น

