โฉมใหม่ “คอบร้าโกลด์” ดึง “พม่า” เข้าร่วม ถ่วงอิทธิพล “จีน” !

ต้นเดือน ม.ค.2556 จะมีการประชุมกองอำนวยการการฝึกร่วมผสมทางการทหาร หรือ “คอบร้าโกลด์” ระหว่างตัวแทนไทยกับตัวแทนสหรัฐอเมริกา เพื่อสรุปแผนการฝึกคอบร้าโกลด์ ประจำปี พ.ศ.2556 (ค.ศ.2013) ที่จะมีขึ้นในเดือน เม.ย.2556
โดยความน่าสนใจของการฝึกผสมทางการทหารครั้งนี้ คือไทยได้ผลักดันให้สหรัฐฯ ยอมไฟเขียวให้ “พม่า” เข้าร่วมด้วยในฐานะผู้สังเกตการณ์
ทั้งผ่านการหารือระดับผู้นำ ระหว่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทยกับ “บารัก โอบามา” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
และผ่านการหารือระดับรัฐมนตรี ระหว่าง “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รมว.กลาโหมไทย กับ “ลีออน เพนเนตตา” รมว.กลาโหมสหรัฐฯ
กระทั่งทหารการสหรัฐฯ ได้ตกรับข้อเสนอดังกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของพม่า เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลพม่า ถึงความร่วมมือด้านต่างๆ ในอนาคต
“คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ต” ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ถึงมิตรไมตรีที่กำลังก่อตัวขึ้น
ทั้งนี้ มีการมองกันว่าการที่ให้พม่าเข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ด้วย แม้จะยังเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ เป็นแรงโต้กลับต่อ “จีน” ที่เริ่มขยายอิทธิพลมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นของสหรัฐฯ ทำให้มีการปรับปรุงทั้งรูปแบบการฝึก ขนาดการฝึก และจำนวนประเทศที่เข้าร่วม
โดยในปี พ.ศ.2555 (ค.ศ.2012) มีทหารจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมจำนวนมาก ประกอบด้วยสหรัฐฯ 1 หมื่นนาย ไทย 3.4 พันนาย รวมถึงอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์และเกาหลี ขณะที่จำนวนผู้สังเกตการณ์ จากปีก่อนมี 9 ประเทศ แต่คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 13 ประเทศ
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯได้กลับมาทุ่มเทความสนใจให้กับภูมิภาคนี้ หลังจากไปติดหล่นอยู่กับสงครามอิรักนานหลายปี
แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปก็คือ รัฐบาลอเมริกันยังคงเป็น “ผู้กำหนดเกม” เองทุกอย่าง ทั้งในปัจจุบันรวมถึงอนาคต
“ปณิธาน วัฒนายากร” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องกำกับการฝึกคอบร้าโกลด์ เพราะต้องการขยายพันธมิตรในภูมิภาคนี้เพื่อถ่วงดุลกับจีน
สำหรับการดึงพม่าที่เคยใกล้ชิดกับจีนเข้าร่วม ปณิธาน กล่าวว่า แม้ไทยจะเป็นผู้ที่พยายามดึงเพื่อนบ้านเข้าร่วม แต่ผู้ที่ตัดสินใจโดยตรงก็ยังเป็นสหรัฐฯ ทั้งนี้ การเข่าร่วมดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ว่าสหรัฐฯต้องการดึงพม่าออกจากจีน
อาจารย์จุฬาฯ รายนี้ยังเห็นว่า ในอนาคตการฝึกคอบร้าโกลด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสหรัฐฯเป็นผู้กำกับ ซึ่งการซ้อมรบที่มีกำลังทหารนับหมื่นจากหลายประเทศเข้าร่วมในทุกๆ ปี จะทำให้สหรัฐฯสามารถควบคุมยุทธศาสตร์ทางการทหารในภูมิภาคนี้ได้
“อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตปฏิกิริยาจากจีนด้วย ว่าเขารู้สึกอย่างไร มีข้อกังวลอย่างไร กับการขยายตัวมากๆ ในสิ่งที่สหรัฐฯ พยายามผลักดัน เพราะจีนค่อนข้างอ่อนไหวต่อการคงกำลังทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้อยู่เหมือนกัน” ปณิธานกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ รูปแบบการฝึกคอบร้าโกลด์ในแต่ละปีจะแตกต่างกันไป โดยมีการสลับรูปแบบที่เรียกว่า heavy year กับ light year โดยในปี พ.ศ.2556 จะใช้รูปแบบการฝึกแบบ light year ที่เน้นการบรรเทาสาธารณภัยหรือช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยจะใช้พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 3 ของไทย โดยเฉพาะใน จ.เชียงใหม่ และมี “พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา” แม่ทัพน้อยภาคที่ 3 น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปจัจุบัน เป็นผู้อำนวยการกองการฝึกร่วมผสมฯ
“พล.ท.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ” เจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะที่ดูแลในส่วนของการฝึกร่วมผสมฯ กล่าวว่า การฝึกคอบร้าโกลด์ในปีหน้า ทุกประเทศในอาเซียนจะเข้าร่วม และจะมีการฝึกที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างองค์ความรู้เวลาที่เกิดภัยพิบัติ หรือวิธีในการบรรเทาสาธารณภัย
“แม้ห้วงเวลาและพื้นที่การฝึกมีจำกัด แต่เราจะพยายามทำให้ทุกฝ่ายมามีส่วนร่วม” พล.ท.ธารไชยยันต์กล่าว
สำหรับการฝึกคอบร้าโกลด์ เดิมเป็นการฝึกแบบพหุภาคีเฉพาะไทยกับสหรัฐฯ เท่านั้น จนไทยถูกมองว่าเป็นตัวแทนสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นการฝึกแบบทวิภาคี โดยมีการดึงมิตรประเทศต่างๆ ให้เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่สิ่งที่ยังคงเดิมมาตั้งแต่การฝึกครั้งแรกก็คือ การที่สหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากการฝึกดังกล่าว เพื่อคงอิทธิพลและกำหนดทิศทางความมั่นคงในภูมิภาคนี้ โดยไม่ยอมเสียตำแหน่ง “พี่เบิ้ม” ให้กับใครง่ายๆ ไม่ว่าประเทศนั้นจะเป็นใคร กระทั่งจีน !!!
