เปิดโปง แก๊งกินหัวคิว (ศพ) อาจารย์ใหญ่ “ศิริราช” ?
“....นับจากที่คุณย่าเสียชีวิต บริจาคร่าง มีความจริงบางอย่าง ที่ตัวฉันเอง และอีกหลายคนไม่เคยทราบมาก่อนในชีวิตการเป็นคนไทย เป็นชาวพุทธ ...”

กลายเป็นกระทู้ดังข้ามปี ประจำห้องศาลาประชาคม เว็ปไซต์พันทิป www.pantip.com ไปแล้ว
สำหรับกรณีข้อร้องเรียน “เจ้าหน้าที่กายวิภาคศาสตร์ศิริราชหลอกเรียกรับเงินญาติอาจารย์ใหญ่” ที่เป็นปริศนาค้างคาใจใครหลายคนว่า เหตุการณ์นี้มีจริงหรือไม่?
@@เปิดตัวกระทู้ แจ้งเก็บหัวคิวรับศพ “คุณย่า"
หากไล่เรียงลำดับเหตุการณ์เรื่องนี้ จะพบว่า มีจุดเริ่มต้นจากหญิงสาวรายหนึ่ง ใช้ชื่อว่า “deerja” เข้ามาตั้งกระทู้สอบถามความเห็น ห้องศาลาประชาคม ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2554
โดยใช้หัวเรื่องว่า “คุณย่าบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช รถมารับ เก็บค่ามารับศพ 17,000 บาท”
เนื้อหากระทู้ ระบุว่า คุณ deerja ได้รับแจ้งข้อมูลจากคุณพ่อว่า รพ.ศิริราช เรียกเก็บค่าธรรมเนียม จากการไปรับศพคุณย่า ที่เสียชีวิตอยู่ที่ รพ.พระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี เป็นเงิน 14,000 บาท (เธอตรวจสอบข้อมูลกับคนในครอบครัวพบว่า ตัวเลขค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 14,000 ไม่ใช่ 17,000 บาท ตามที่ตั้งกระทู้ไว้ในครั้งแรก) แบ่งเป็น ค่าโลงศพ 7,500 บาท ค่าเบี้ยเลี้ยง เจ้าพนักงาน 2,500 บาท ค่าน้ำมัน 4,000 บาท
แม้ว่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปแล้ว จะทำเรื่องบริจาคร่างกายไว้กับโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ อุทิศให้กับนศ.ใช้ประกอบการเรียนการสอน ก็ตาม!!
@@ ชี้เหตุคิดค่าใช้จ่าย-ไม่มีใบเสร็จรับเงิน
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวนนี้ เพราะอยู่ในระยะทาง 100 ก.ม. จาก ร.พ.ศิริราช ซึ่งเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์การรับศพบริจาค ร.พ.ศิริราช กำหนดว่า รับเฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี นครปฐม สุพรรณบุรี(ไม่รับ อ.ด่านช้าง, อ.หนองหญ้าไซ, อ.เดิมบางนางบวช,อ.สามชุก) พระนครศรีอยุธยา (ไม่รับ อ.ท่าเรือ) ราชบุรี (ไม่รับ อ.สวนผึ้ง, อ.จอมบึง) กาญจนบุรี (รับเฉพาะ อ.เมือง, อ.ท่าม่วง, อ.พนมทวน, อ.ท่ามะกา)
แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ เมื่อคนในครอบครัวของเธอ ท้วงถามใบเสร็จค่าใช้จ่ายการรับศพดังกล่าว คำตอบที่ได้รับจากเจ้าหน้า คือ “ไม่มี”
หลังจากที่เนื้อหาในกระทู้ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในเชิงไม่เห็นด้วย
อาทิ
“โห แพง โหดนะเนี่ย ถ้าลูกหลานไม่มีตังค์ล่ะแย่เลย”
“ไม่สมควรต้องเสียเงินเลยครับ แม้จะคิดค่ารถก็ไม่ควรแพงมากเท่านี้ รพ.ศิริราช น่าจะช่วยแม้จะไม่ทั้งหมด แม้ว่าจะผิดเงื่อนไขที่ตั้งไว้ก็ตาม”
“บริจาคร่างกาย แล้วยังต้องจ่ายเงินอีก แล้วต่อไปใครจะอยากบริจาคร่างกายอีก น่าจะแก้ระเบียบบ้างนะครับ”
ขณะที่ประเด็นการเสียค่าใช้จ่ายแล้วไม่มี “ใบเสร็จ” ให้ มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นดังนี้
“แหม่ง ๆ แฮะ ใบเสร็จก็ไม่ให้ด้วย”
“อย่าเพิ่งจ่ายตังค์นะ รอถามโรงพยาบาลศิริราชให้เคลียร์ก่อนดีกว่านะเราว่า เฮ้อ ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่ เอ่อ .....”
“เราเคยดูรายการ กบนอกกะลา อ่ะ เค้าบอกว่า ฟรี นะ โลงศพ 7500 แพงมากๆๆๆๆ เลย อ่ะ แล้วจะมีโลงไว้ทำไมอีก ในเมื่อถึงศิริราช ก็ต้องเข้าสู้กระบวนการต่างๆ กันการทำ การดองศพต่อไป”
“คิดว่าไม่จริงนะ ยิ่งไม่มีใบเสร็จคงไม่ใช่ ร.พ.ไม่ว่ารัฐหรืเอกชน จะให้เสียเงินมันต้องมีใบเสร็จทุกอย่าง ไม่งั่นทำบัญชีไม่ได้ ขนาด ร.พ.เอกชนจะเก็บค่าที่จอดรถที่คนเอาไปจอดตอนน้ำท่วม เค้ายังออกใบเสร็จให้เลย”
ขณะที่ คุณ deerja ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเรื่องนี้ ว่า
“มันแปลกเนอะ ขนาดเราไปทำบุญโลงศพที่ มูลนิธิร่วมกตัญญู เรายังได้ใบเสร็จ เลย ที่บ้านเห็นว่าเป็นความต้องการของคุณย่า แต่คุณย่าคงไม่รู้ว่า จะเสร็จค่ารถขนาดนี้ นี่ถ้าคุณย่า ท่านก็คงไม่ให้จ่ายแน่ๆ เพราะขนาดทำบุญคุณย่ายังบอกว่า ไม่ต้องทำเยอะ หลายวัน สิ้นเปลือง เฮ้อ...”
@@ “ศิริราช” เต้น โพสต์ รับเรื่องสอบสวนด่วน
จากนั้นไม่นานนัก มีผู้ชายคนหนึ่ง ใช้ชื่อว่า “บุญส่ง (มะม่วงกะล่อน)” อ้างว่า เป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบดูแลเจ้าหน้าที่ห้องศพ ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยยันยันว่า การรับบริจาค “ศพ” เป็นอาจารย์ใหญ่ ไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เป็นการตกลงกันระหว่างญาติอาจารย์ใหญ่และเจ้าหน้าที่
พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมาจะมีเรื่องร้องเรียน การทำงานของเจ้าหน้าที่ เฉลี่ยปีละ 1 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียกรับเงิน - ทุกครั้ง "ผู้ที่ร้องเรียน" ไม่เคยเป็นคนเดียวกับ "ผู้ที่ตกลง"
“ทุกครั้งที่มีการร้องเรียน หรือ ภาควิชาฯ รับทราบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใด จะมีการตั้งกรรมการสอบสวน บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร หากพบว่าเจ้าหน้าที่ฯ มีส่วนผิด หรือ บกพร่อง จะมีการลงโทษ ตามระเบียบขั้นตอน”
“ขณะนี้ภาควิชาฯ กำลังพัฒนาระบบ เพื่อให้เรื่องร้องเรียนเป็น "ศูนย์" โดยจะแยกเจ้าหน้าที่รับแจ้งการเสียชีวิตของอาจารย์ใหญ่ ออกจากเจ้าหน้าที่ ที่ออกไปรับศพ – เพื่อป้องกันการเรียกรับเงินจากญาติอาจารย์ใหญ่”
ก่อนที่ “บุญส่ง (มะม่วงกะล่อน)” จะระบุชื่อจริง-นามสกุล จริง เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ ติดต่อไว้ ให้ คุณ deerja ไว้ เพื่อให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
@@ ข้อร้องเรียนมีมูล สั่งพักงานเจ้าหน้าที่ 6 ด.
ผ่านไปไม่นานนัก “บุญส่ง (มะม่วงกะล่อน)” ได้เข้ามาโพสต์ข้อความใหม่อีกครั้ง
โดยระบุว่า ได้เรียก “นายเอก” มาสอบสวนแล้ว เป็นความจริงตามที่เจ้าของกระทู้ส่งข้อความมา พร้อมกันนี้ ยังได้ปรึกษาหัวหน้าภาควิชาฯแล้ว สรุปว่า เจ้าหน้าที่มีความผิดที่ออกไปรับร่างอาจารย์นอกเขตที่ประกาศไว้ โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงสั่งลงโทษ พักงาน เป็นเวลา 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม เรื่องโลงศพ เป็นการตกลงกันเอง ระหว่างเจ้าหน้าที่และญาติอาจารย์ใหญ่ (เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ได้บังคับให้ซื้อ) ส่วน ค่าเบี้ยเลี้ยง เจ้าหน้าที่ 4 คนๆละ 500 บาท เป็นการที่ญาติยินดีจ่าย เพราะได้ตกลงกันล่วงหน้าแล้ว
ขณะที่ ค่าน้ำมันรถ พบว่าได้เรียกเก็บเกินสมควรจริง จึงพิจารณาคืนให้ญาติอาจารย์ใหญ่ตามจริง (น่าจะคืนประมาณสองพันบาท)
“ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราชฯ ต้องขอโทษผู้บริจาคร่างกายทุกท่าน เพราะต่อไปนี้จะไม่มีการรับร่างอาจารย์นอกเขตที่กำหนดไว้อีกต่อไป หากมีความประสงค์จะอุทิศร่างให้ศิริราชจริงๆ ญาติด้องดำเนินการ นำส่งร่างอาจารย์ใหญ่ ด้วยตนเอง – เพื่อเป็นการตัดปัญหาการร้องเรียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายบุญส่ง ระบุ
พร้อมทิ้งท้ายประโยคว่า “ขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ถ้าอยู่ในเงื่อนไขการรับศพที่ ร.พ.กำหนดไว้
หลังจากได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบ ในการบริจาคศพโดยตรง เหตุการณ์ทำท่าจะยุติลงด้วยดี ท่าทีของคุณ deerja เหมือนจะเบาลง
“อาจารย์น่ารักมากค่ะ ให้ความกรุณา ตอบข้อสงสัย และเป็นธุระตามเรื่องให้ อธิบายให้ฟังละเอียดๆ มากๆ ^^เห็นท่านบอกว่า การทำเป็นใบเสร็จออกมาในกรณีที่ว่า มันยุ่งยาก ยากมาก อาจารย์ว่า อีกหน่อยจะทำเป็นระเบียบออกมาไปเลย และญาติรับทราบก่อนและเซ็นยินยอม”
“อาจารย์ ว่า ถึงจะเป็นการเก็บเงิน แต่ค่าใช้จ่ายที่คุณเอกแกเรียกเก็บ มันก็เกินไป (เราก็ว่าจริงๆ) รถหลวงที่เอาออกไปรับ(รถ ร.พ.ศิริราช) ใครเซ็น (อาจารย์ท่านว่าต้องเป็นระดับอาจารย์) รอสอบสวนคุณเอกอยู่ เห็นว่าแกไปปฏิบัติงาน แล้วคงจะมีบทลงโทษ ถ้าเกิดทางเราจะเอาเรื่อง ตามเรื่องได้ถึงไหน อาจารย์ท่านจะกรุณากลับมาแจ้งให้ทราบค่ะ” คุณ deerja ระบุ หลังจากได้พูดคุยกับผู้รับผิดชอบจากร.พ.ศิริราช
@@ เรื่องไม่จบ – ข่าวคืนศพ พร้อมค่าใช้จ่าย ว่อนเน็ต
แต่ไม่นานนักความขัดแย้งเรื่องนี้ ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และดูเหมือนจะรุนแรงหนักมากกว่าเดิม
เมื่อมีหญิงสาวลึกลับโทรศัพท์ไปต่อว่า คุณ deerja ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง พร้อมคนบางกลุ่มเริ่มโพสต์ข้อความโจมตีในกระทู้ ว่า สิ่งที่คุณ deerja ทำลงไปเป็นการทำลายชื่อเสียง รพ.ศิริราช ทำตัวให้มีปัญหาเอง ทั้งที่ไปตกลงราคาเอง หลังจากเรื่องนี้ ถูกขยายความไปอยู่ในกระทู้ห้องแสดงความเห็นต่างๆ รวมถึงกระแสข่าวว่า ทางศิริราชจะคืนศพคุณย่าให้กับครอบครัว พร้อมค่าใช้จ่าย
ส่งผลทำให้ ฝ่าย คุณ deerja พร้อมกลุ่มสนับสนุน ก็ออกมาแสดงความเห็นโต้ตอบคืน ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ถึงขนาดไปเปิดแฟนเพจ ในFACEBOOK ใช้ชื่อว่า “มั่นใจ 1m.Userไม่พอใจกรณีศิริราชเรียกเงินญาติอาจารย์ใหญ่” กันเลยทีเดียว
@@ โชว์คลิปสอบปากคำ ประจานเจ้าหน้าที่ –กลัวทิ้งศพ
และมีการนำคลิปวีดิโอการให้สัมภาษณ์ของคนในครอบครัว กับจนท. มหิดล และทีมทนาย เกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการรับศพ มาเผยแพร่ในกระทู้ใหม่เรื่อง กรณีเจ้าหน้าที่กายวิภาคศาสตร์ศิริราชหลอกเรียกรับเงินญาติอาจารย์ใหญ่ กระทู้ข้ามปี 0.0 เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2555 ในห้องศาลาประชาคม
โดยปรากฏชื่อ คุณ deerja เป็นผู้โพสต์ไว้เหมือนเดิม
ทั้งนี้ ในเนื้อหาคลิปสัมภาษณ์ดังกล่าว คนในครอบครัว คุณ deerja ระบุว่า ไม่มีเจตนา ที่จะให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต แค่โรงพยาบาล แก้ไขระเบียบเรื่องการรับศพให้ชัดเจน และมีหนังสือขอโทษมาก็จบแล้ว
เพราะตอนนี้ ศพผู้ตายก็ได้เป็นอาจารย์ใหญ่สมความตั้งใจแล้ว
“ตอนแรกเรากลัวว่า จะเอาศพแม่เราไปทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า มายังไงไปอย่างไง ใบเสร็จอะไรก็ไม่มี”
@@ ผู้เสียหายลั่นพร้อมสู้ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
ขณะที่คุณ deerja โพสต์ ข้อความแสดงความเห็นส่วนตัวว่า
“นับจากที่คุณย่าเสียชีวิต บริจาคร่าง มีความจริงบางอย่าง ที่ตัวฉันเอง และอีกหลายคนไม่เคยทราบมาก่อนในชีวิตการเป็นคนไทย เป็นชาวพุทธว่า ได้มีการกระทำบางอย่าง ของบุคคลบางคน บางกลุ่ม ใช้หน้าที่การงาน แอบแฝง ซ่อน ตัว ทำตัวประหนึ่ง เห็บ เหาหาเลี้ยงชีวิตบนร่างราชสีห์”
“ ดิฉัน ซึ่งเป็นประชาชน คนธรรมดา ไม่ได้มีคุณวุฒิอันทรงเกียรติผู้คนเคารพ ไหว้นับถือ ทั้งคนไข้ผู้ฝากชีวิต สุขภาพไว้กับท่านๆ ทั้งลูกศิษย์ที่ฝากอนาคต เคารพบูชาท่าน ดิฉันเทียบได้แม้เศษฝุ่นของพวกท่าน ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“ว่าพวกท่านได้ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้มาเนิ่นนานในสังคมไทย จนเป็นเรื่องธรรมดา จนท่านเรียกว่ามันวิน วินดิฉันไม่ได้โกรธ ไม่ได้แค้น อย่างที่บางคนเข้าใจ (แม้จะเคยโดนตำหนิมาแล้ว ว่านำเรื่องนี้มาตั้งกระทู้ทำไม ทำให้คนอีกมากมายได้รับทราบเรื่องเหล่านี้ทำไม โดนตำหนิว่า ดิสเครดิตโรงพยาบาล ทั้งๆสิ่งที่ดิฉันเริ่มทำทุกอย่างล้วนเกิดจากความสงสัย....สงสัย ตั้งสมมุติฐาน หาเหตุผล )
“หากท่านคิดว่า มันวิน วิน ท่านก็ออกใบเสร็จมา ดิฉันคิดว่า เท่าไหร่ เราก็เต็มใจมอบให้ ค่าแรง ค่าเหนื่อย ค่าอะไรก็ว่ากันไป มีใครบางไม่ยินดี หากข้อมูลทุกอย่างบริสุทธิ์ทุกรายการ"
“ข้อมูลเหล่านี้ จะได้เป็นที่ทราบ กับคนธรรมดา ประชาชนตัวน้อยอีกหลายท่าน ว่า..อืม ... มีเหตุการณ์ ... มีอะไร แบบนี้ ในบ้านเรา ด้วยซึ่งแม้แต่ตัวดิฉัน (และอีกหลายๆท่าน) ก็ถึงกับอุทาน มาแล้ว”
@@ เผยมหิดล สั่งสอบสวนใหม่ – ออกกฎ ให้ ซี 8 รับเรื่องแทนจนท.
ด้านนายบุญส่ง เจริญวัฒน์ รองหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราช ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงเรื่องนี้ ว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หลังจากผลการสอบสวน ที่ดำเนินการโดยภาควิชาก่อนหน้านี้ ไม่เป็นที่พอใจของผู้ที่ร้องเรียน เนื่องจากเห็นว่าบทลงโทษน้อยเกินไป ทำให้ทางคณะตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมาใหม่ และกำลังจะออกมีบทลงโทษไล่ออกเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่มหาวิทยาลัยยังไม่เห็นด้วย จึงได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะจะทำอะไรตามกระแสคนในโลกออนไลน์ไม่ได้
ส่วนปัญหาการเรียกรับเงินค่ารับศพ โดยไม่มีใบเสร็จนั้น นายบุญส่ง กล่าวว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในส่วนของภาควิชา พบว่ามีเจ้าหน้าที่บางรายทำทุจริตจริง เพราะบางคนมีสายสัมพันธ์กับบริษัททำโลงศพ ได้เปอร์เซ็นต์จากการเสนอขายโลงให้ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่บางรายที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานใหม่ ไม่รู้เรื่อง ต้องให้ความเป็นธรรม
“หลังจากเกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้น ทางภาควิชาได้กำหนดชัดเจนว่า ห้ามเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ ติดต่อกับญาติของผู้ที่จะบริจาคศพเป็นอาจารย์ใหญ่ โดยตรง เหมือนที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้ข้าราชการระดับซี 8 ของมหาวิทยาลัย เป็นผู้ประสานงานเองเท่านั้น และจะไม่รับศพนอกเขตที่กำหนดไว้ในระเบียบอย่างเด็ดขาด ”
ส่วนเรื่องการคืนศพ รองหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่มีการคืนศพดังกล่าวกลับไปให้ญาติ ตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ โดยศพที่รับมา ปัจจุบัน ถูกนำไปเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาได้เรียนตามความตั้งใจของผู้บริจาคร่างกาย และจะมีการทำพิธีฌาปนกิจ ในเดือนเมษายน นี้
แม้ว่า ก่อนหน้านี้ คนในภาควิชา เคยมีความคิดที่จะคืนศพไปให้กับญาติ พร้อมค่าใช้จ่ายที่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกเก็บมา เพื่อยุติปัญหาเรื่องนี้ก็ตาม
รองหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ความจริงปัญหานี้จะไม่ลุกลามใหญ่โต ถ้าผู้ืั้ร้องเรียนเข้ามาเป็น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะจะทำให้การหาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาทำได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากแรงยุของคนในสังคมออนไลน์ ที่เข้ามาเชียร์กัน แสดงความเห็นกัน โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ทำให้ผู้ร้องเรียน มีความรู้สึกโกรธแค้น และแสดงออกผ่านโลกออนไลน์เพื่อตอบโต้ในข้อมูลที่ตนเองไม่พอใจมากขึ้น
นี่คือ ความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่เกิดขึ้น จากกระทู้ที่ได้ชื่อว่าดังที่สุด ในห้องศาลประชาคม ของเว็ปไซด์พันทิป ในช่วงเวลานี้
และคงทำให้ใครหลายคนออกอาการ “อึ้ง” ไปตามๆ กัน ว่า มีเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นกับ (ศพ) “อาจารย์ใหญ่” ผู้ที่อุทิศสังขาร ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นครั้งสุดท้าย
ก่อนไปสู่สุคติ แบบนี้ด้วยหรือ ?
--------------------------------
หมายเหตุ : อ่านรายละเอียดเรื่องทั้งหมด ได้ใน http://pantip.com/topic/30007127
