เบื้องหลัง “เพื่อไทย” ตีกรรเชียง ถ่วงเวลาแก้ รธน. ที่เขาใหญ่
อะไรอยู่ในกอไผ่ เรื่องการแก้รธน.ของพรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเสียที

"บทสรุป" เรื่อง "วิธี" แก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย (พท.) ในการสัมมนาพรรคที่โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
ก็คือ “ไม่มีบทสรุป” !
เมื่อท้ายสุด ที่สมาชิก พท.ต่างเห็นพ้องกับแนวทางที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” เลขาธิการ พท.เสนอ คือโยนให้สถาบันการศึกษาอย่างน้อย 3 แห่งไปหา “วิธี” แก้ไขรัฐธรรมนูญแทนฝ่ายการเมือง ให้เวลา 45-60 วัน
งานสัมมนาของ พท.ครั้งนี้ ก็มีความผิดปกติพอสมควร เพราะทั้งๆ ที่ อ้างว่าเป็นเรื่องสำคัญ และโหมโรงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ว่าในวันนี้จะได้ “บทสรุป” แน่ๆ
แต่ในการสัมมนาพรรคกลับแบ่งงานออกเป็น 3 ส่วน ช่วงแรกให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี พูดถึงนโยบายที่จะทำในปี 2556 ช่วงที่สอง เป็นการสัมมนา โดย “เฉลิม อยู่บำรุง-วีรพัฒน์ ปริยวงศ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ต่างออกมาชำแหละข้อเสียของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และช่วงที่สาม ระดมสมองหา “วิธี” แก้รัฐธรรมนูญ ตามที่โหมโรงไว้ก่อนหน้า
แต่ปรากฏว่า พท.กลับให้เวลากับช่วงเวลาดังกล่าวเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น
แถมพอจบงานสัมมนา สมาชิก พท.ต่างก็รีบออกจากห้องประชุม เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดคาวบอย และบึ่งไปร่วมงานปีใหม่คาวบอยไนท์ที่จัดขึ้นที่โรงแรมโรแมนติก รีสอร์ต ที่อยู่ใกล้เคียงกันทันที
ราวกับว่า “วาระหลัก” ในการมารวมตัวกันของสมาชิก พท.ครั้งนี้ คืองานเลี้ยงปีใหม่ ส่วนการถกเถียงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพียง “วาระรอง”
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าการสัมมนาของ พท.หนนี้ จะไม่มี “เนื้อหาสาระ” อะไรเลย เพราะเท่าที่สังเกตมีซ่อนอยู่ในคำพูดของบุคคลต่างๆ รวม 4 ประเด็น ดังนี้
1.แก้ทีละมาตราปลอดภัยที่สุด แต่...
สมาชิก พท.ส่วนใหญ่ต่างเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ทีละมาตรา” เป็นวิธีที่ “ปลอดภัย” ที่สุด แต่ยังไม่ใช่วิธีดีที่สุด เพราะประเมินแล้วว่าจะใช้เวลานานแสนนาน
ระหว่างการสัมมนา “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกฯ กล่าวยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญดีที่สุด ต้องแก้ทีละมาตรา
ขณะที่สมาชิก พท.บางส่วนลุกขึ้นแสดงความเห็นด้วย แต่ก็มีเสียงติติงว่าถ้าแก้ทีละมาตราไม่รู้ว่ากี่ปีจะเสร็จ เพราะเพียงมาตราเดียว ไม่รู้ว่า 1 เดือนจะเสร็จหรือไม่ แล้วรัฐธรรมนูญที่อยากแก้มีตั้งเกือบร้อยมาตรา !
ส่วน “ภูมิธรรม เวชยชัย” เลขาธิการ พท.ได้กล่าวกับนักข่าวกลุ่มใหญ่ระหว่างงานเลี้ยงปีใหม่ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ทีละมาตรา” เป็นวิธีที่ พท.ต้องใช้อยู่แล้ว หากวิธีอื่นๆ ที่ใช้เวลาน้อยกว่า ดูแล้วไม่น่าจะเวิร์ค
2.สิ่งที่คน พท.เป็นห่วงมากที่สุด คือ “ศาลรัฐธรรมนูญ”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หากดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เขียนว่ายังวินิจฉัยถูก-ผิดไม่ได้ เพราะยังไม่มีการลงมติวาระสาม ถ้าเดินหน้าลุยลงมติวาระสามไปเลยตามแนวทางของคนเสื้อแดง ศาลรัฐธรรมนูญก็จะหยิบขึ้นมาพิจารณาโดยอ้างว่าความผิดสำเร็จแล้ว
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช.กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำ นปช.เปรียบว่า องค์กรอิสระบางแห่งเหมือนซอยเปลี่ยว ถ้าเรารู้ว่ามีฆาตกรที่รอฆ่าเราอยู่ในนั้น พท.ก็ต้องเลี่ยงที่จะไม่เข้าไปในซอยนั้น
ขณะที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำ นปช.เตรียมเดินทางไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคำวินิจฉัยของตัวเองว่า บังคับให้ต้องทำประชามติก่อนหรือห้ามลงมติวาระสามทันทีหรือไม่ ในสัปดาห์หน้า
3.พท.ต้องการกันนายกฯ ให้ออกมาจากเกมแก้รัฐธรรมนูญ
ร.ต.อ.เฉลิม ทำนายว่า หากมีการลงมติวาระสามผ่าน ประธานรัฐสภาจะต้องส่งให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน แต่ระหว่างนั้น จะมีคนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ไต่สวน ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงก็เสร็จ เขาจะเอาของเก่ามาเล่าใหม่ แล้วคราวนี่จะบอกว่า นายกฯไม่ต้องรับผิดชอบด้วยคงไม่ได้
ขณะที่ ส.ส.พท.หลายคนก็แสดงความเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญควรจะเป็นเรื่องของรัฐสภาอย่างเดียว หากให้รัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วม อาทิ ให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการทำประชามติ หากมีปัญหาอะไรขึ้นมารัฐบาลโดยเฉพาะตัวนายกฯ จะต้องเข้ามาร่วมรับผิดไปด้วย
4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่สิ่งที่ พท. “ต้องทำ” เป็นลำดับแรกๆ อีกต่อไป
แกนนำ พท.หลายคนพูดทั้งบนฟลอร์และนอกฟลอร์ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ขณะที่ ส.ส.พท.บางคนเสนอว่า ให้เลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปปีหน้า เพราะในปีนี้จะมีปัญหาหลายอย่างที่อาจกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหาร
“พายัพ ชินวัตร” ประธานภาคอีสานของ พท.ก็บอกว่า หากยังหาวิธีที่ดีที่สุดไม่ได้ ก็ค่อยๆ คิดหาทางออกกันไป ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร
เช่นเดียวกับภูมิธรรมที่กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่รัฐบาลจะทำในปีนี้
จึงไม่แปลกที่เมื่อ “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” รองนายกฯและ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ สรุปผลการสัมมนาของ พท.ว่าจะโยนเผือกร้อนนี้ไปให้คณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายและวิธีการออกเสียง ประชามติพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะส่งไปให้สถาบันการศึกษาอย่างน้อย 3 แห่งศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรและเมื่อใด ซึ่งคำนวณได้คร่าวๆ ว่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนแน่ๆ
...กลับไม่มีเสียงคัดค้านจากสมาชิก พท.รายใด แม้กระทั่งแกนนำ นปช.ที่ตบเท้าออกมาเสนอว่า ต้องลงมติวาระสามทันที ทั้งจากจตุพร อดิศร เพียงเกษ ก่อแก้ว พิกุลทอง เหวง โตจิราการ ฯลฯ
แม้การไม่มีข้อสรุปจากเขาใหญ่ของ พท.จะทำให้แฟนคลับบางส่วนขุ่นเคือง กระทั่งเปลี่ยนชื่อเรียก พท.ในโลกออนไลน์เป็น “พรรคเพื่อถอย”
แต่ก็เป็นการหาทางออกชนิด “เหนือเมฆ” ของ พท.คือเต้นฟุตเวิร์ควนไปเรื่อยๆ ในประเด็นที่ร้อนแรง ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลก จนเสี่ยงเจอหมัดน็อคจนต้องกระเด็นจากอำนาจ
นี่คือเบื้องหลังการตีกรรเชียงของ พท.เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการสัมมนาพรรคที่เขาใหญ่!!!
-ภาพประกอบจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
