“ชูวัส” พิธีกร Wake Up พร้อมขอโทษกรณีช่างภาพเนชั่น
“ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข” พิธีกรรายการ Wake Up Thailand พร้อมขอโทษกรณีช่างภาพเนชั่น หลังมีบางคำพูดสร้างความไม่พอใจ กระทั่งชมรมช่างภาพออกแถลงการณ์จี้รับผิดชอบ 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 13 ม.ค. นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไท 1 ในพิธีกรร่วมรายการ Wake Up Thailand ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Voice TV ได้โพสต์ข้อความลงในสเตตัสบนเฟซบุ๊ค Nithinand Yorsaengrat ของนางนิธินันท์ ยอแสงรัตน์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือเนชั่น ภายหลังนางนิธินันท์เขียนติงว่าการพูดของพิธีกรร่วมรายการ Wake Up Thailand เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ถึงกรณีที่นายสกล สนธิรัตน์ ช่างภาพศูนย์ข่าวเนชั่น หมดสติแล้วถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลช้าเกินไปเป็นคำพูดที่ไม่สวย และแม้ไม่ใช่พวกใจดำอำมหิตอย่างที่บางเสียงกล่าวหา แต่ในฐานะที่เป็นสื่อ เมื่อสื่อสารอะไรไปแล้วทำให้มีคนเข้าใจผิด ก็ควรจะขอโทษ เนื่องจากเป็นความพลาดขณะพูด คล้ายผิดจังหวะ ผิดกาลเทศะ
โดยนายชูวัสได้เขียนตอบนางนิธินันท์ ว่า “ขอบคุณครับ ผมตั้งใจขอโทษด้วยใจจริงครับ”
สำหรับคำพูดของนายชูวัสในรายการ Wake Up Thailand ซึ่งออกอากาศในวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ กรณีที่พูดถึงการนำตัวนายสกลส่งโรงพยาบาลว่า “หมออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลอีก หมอที่อยู่ที่นั่นเขาก็ต้องวินิจฉัยซึ่งต้องใช้เวลา แต่มันไม่ทันใจกับเพื่อนของช่างภาพรายดังกล่าวที่เป็นห่วงอาการ”
ขณะที่พิธีกรร่วมรายการดังกล่าวอีกคน ได้แก่นายศิโรตม์ คล้ายไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ ก็กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นดราม่าเพื่อด่านักการเมือง”
ซึ่งคำพูดดังกล่าวของทั้งนายชูวัสและนายศิโรตม์ได้สร้างกระแสความไม่พอใจ โดยเฉพาะจากเพื่อนนักข่าวและเพื่อช่างภาพของนายสกล ถึงขนาดที่นายฉลาด จันทร์เดช ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ได้โพสต์แถลงการณ์ของชมรสข่างภาพการเมืองผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Chalard Jandech ตำหนิคำพูดของพิธีกรรายการ Wake Up Thailand พร้อมเรียกร้องให้ไปกราบขอโทษนายสกล ที่ยังนอนรักษาตัวอย่างไร้สติ ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลกลาง
*****
-สำหรับข้อความที่นางนิธินันท์เขียนถึงคำพูดของพิธีกรบางคนในรายการ Wake Up Thailand มีดังนี้
“โลกโซเชีลยมีเดีย โกโซบิ๊กกันง่ายดี ดังนั้น แม้ข้าพเจ้าจะบอกว่าพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์พูดไม่สวย ในกรณีช่างภาพรัฐสภาเส้นโลหิตในสมองแตกเพราะมัวแต่เน้นเรื่องสื่อเว่อร์ จนอาจทำให้เข้าใจได้ว่าไม่สนใจอาการผู้ป่วยว่าหนัก ก็ขอให้กำลังใจพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์ ว่าท่านทั้งหลายไม่ใช่ฆาตกร ไม่ใช่ใจดำอำมหิตอย่างที่มีบางเสียงกล่าวหา นอกจากนั้น ท่านยังพยายามอธิบายปัญหาคลาสสิกคือการสื่อสารที่ไม่รู้เรื่องกัน ซึ่งเกิดขึ้นเสมอระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของผู้ป่วย และบ่อยๆไป คนทำสื่อทั่วไปก็ไม่รู้ขั้นตอนการรักษาของแพทย์เหมือนกัน
“ให้กำลังใจแพทย์ด้วยค่ะ แต่ขอไม่ปลื้มกับเจ้าหน้าที่ที่บอกว่า รถพยาบาลมีไว้สำหรับ สส สว นะคะ
“อนึ่ง ความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า ซึ่งพิธีกรเวคอัพไทยแลนด์ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย/ปฏิบัติตาม และไม่ได้แปลว่าเมื่อไม่เห็นด้วย ไม่ปฏิบัติตามคือท่านเลว ก็คือ ข้าพเจ้าเห็นว่า เมื่อเราซึ่งเป็นสื่อ สื่อสารอะไรไปแล้วทำให้มีคนเข้าใจผิด ไม่สบายใจ เสียใจ ต่างๆ นานาๆ เราก็ขอโทษที่ทำให้เขาเข้าใจผิดจนเสียใจได้ ไม่จำเป็นต้องกราบเท้าขอขมาฯ อะไรหรอก เว่อร์ เพราะท่านไม่ได้ให้ร้ายอะไรช่างภาพซึ่งเป็นผู้ป่วย แต่มันมีกรณีพลาดขณะพูด คล้ายผิดจังหวะ ผิดกาละเทศะ ก็ขอโทษไป แก้ไขได้ก็แก้ไขไป พูดในรายการของท่านเอง... เท่านั้นแหละ”
-สำหรับแถลงการณ์ชองชมรมช่างภาพการเมือง ที่นายฉลาดนำมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊คมีข้อความดังนี้
“หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อ นายสกล (เอ๋) สนธิรัตน์ ช่างภาพในเครือหนังสือพิมพ์เนชั่น และคณะกรรมการของชมรมช่างภาพการเมือง ซึ่งต่อมาได้มีพิธีกรในรายการ "Wake Up Thailand" รายการเล่าข่าวทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV ที่ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล / นายชูวัส ฤกษ์ศรีสุข / นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง สร้างวาทะกรรมเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นดราม่า ของผู้สื่อข่าว ผมเสียใจต่อพิธีกรทั้ง 3 คนนี้จริงๆ ที่บิดเบือนเรื่องทั้งหมดต่อกรณีที่ช่างภาพสำนักข่าวเนชั่น เกิดอาการผิดปกติสะดุดล้ม แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าใช้รถพยาบาลที่ประจำอยู่รัฐสภา เนื่องจากต้องคอยบริการ ส.ส. จนความล่าช้ากว่าครึ่งชั่วโมง
“มีการบิดเบือนประเด็นให้เป็นเรื่อง ห้องพยาบาลรัฐที่มีจำนวนไม่เพียงพอ จนไปถึงการระบุว่า "คุณหมอพยาบาลอยู่ในที่นั้นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปโรงพยาบาล" ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริง และไม่รู้ว่าอาการของผู้ป่วยในขณะนั้นเป็นอย่างไร มีอุปกรณ์มากเพียงพอในการรักษาที่อาคารรัฐสภาหรือไม่ โดยไปพูดออกอากาศต่อสาธารณชนสร้างความเสียหายต่อสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเป็นอย่างมากโดยไม่มีข้อมูลที่แท้จริง อาศัยคราบผู้ดีใส่สูท วิพากษ์วิจารณ์แต่สิ่งที่กลุ่มตนเองได้ประโยชน์ ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนขุดเลือดเนื้อประชาชนหาแต่ผลประโยชน์ใส่ตัวเอง
“ผมเสียใจครับต่อ 3 พิธีกรในรายการนี้ ที่อาศัยคำว่าสื่อ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ระดับมันสมองอย่าง 3 พิธีกรในรายการนี้ ไม่ใช่แค่เม็ดถั่วเขียวที่ไม่มีสายตาอันกว้างไกล ต้องตระหนักเสมอว่า การที่จะนำข้อมูลข้อเท็จจริงไปวิพากษ์วิจารณ์นั้นมีเนื้อเท็จจริงประการใด มิใช่แต่จะสร้างกระแส แก้ดำให้เป็นขาว เพื่อเป็นการเอาใจใครบางกลุ่ม ถ้ามีจิตสำนึกควรตระหนักในเรื่องนี้บ้าง การจะทำหน้าที่สื่อถามว่าเราไม่อยากที่จะต้องคอยมาตรวจสอบกันเองหรอกว่าใครดีใครเลว
“ผมในฐานะประธานชมรมช่างภาพการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรเล็ก ๆ ที่รวมตัวก่อตั้งกันขึ้นมาจากเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน เพื่อเป็นการเสริมสร้างสังคมที่โรยราให้เข้มแข็งขึ้น มุ่งมั่นจะทำในสิ่งที่ดีต่อสังคมเพื่อเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการสื่อเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ไม่มุ่งมั่นหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง
“ในท้ายสุดนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่าน 3 พิธีกรในรายการ "Wake Up Thailand" รายการเล่าข่าวทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV ควรที่จะมีจิตสำนึกของความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เอาความจริงมาพูดกัน สัตว์เดรัจฉาน มันยังรักพวกพ้อง มันไม่หากินบนซากของพวกมันเองเลย แต่เรามันเป็นมนุษย์ที่มีความคิด อย่าทับถมกันเลยครับ และถ้าเป็นการดีที่ควรจะขอโทษ ควรจะไปกราบตีน นายสกล (เอ๋) สนธิรัตน์ ช่างภาพในเครือหนังสือพิมพ์เนชั่น และคณะกรรมการของชมรมช่างภาพการเมือง เพื่อเป็นการขอโทษเพื่อนสื่อด้วยกัน ที่ยังนอนรักษาตัวอย่างไร้สติ ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลกลางครับ จากใจประธานชมรมช่างภาพการเมือง"
