กทค.ยืดเวลาสอบคดีสัญญา TRUE-CAT อีก 30 วัน
บอร์ด กทค.ตั้ง 4 ข้อสังเกต รายงานผลศึกษาบริษัทลูก TRUE ทำสัญญาให้บริการมือถือ 800 Mhz กับบริษัท CAT ไม่ชอบ โยนคณะทำงานกลับไปแก้ไข-หาข้อมูลเพิ่มเติม ให้เวลา 30 วัน

ในวันที่ 17 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) แถลงผลการประชุม กทค.ที่มีการพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด หรือ BFKT บริษัทในเครือบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ True ทำสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ตามที่คณะทำงานเสนอ โดยมีข้อสังเกต 4 ประการ ดังนี้
1.คณะทำงานสรุปในช่วงท้ายรายงานว่า ยังไม่อาจเชื่อได้ว่า บริษัท BKFT มีเจตนาในคลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่อาจเชื่อได้ว่า บริษัท CAT เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของ บริษัท BKFT แต่อย่างใด แต่ในส่วนที่มีการวิเคราะห์กลับระบุว่า บริษัท BKFT เป็นผู้ให้บริการในลักษณะของการนำโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz มทาให้กับบริษัท CAT เช่า และจัดอยู่ในลักษณะของกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม คณะทำงานจึงเชื่อว่า บริษัท BKFT มีการกระทำผิดตามมาตรา 67 (3) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต รายงานฉบับนี้จึงมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกันเอง เพราะหากวิเคราะห์แล้วเห็นว่า บริษัท BFKT ไม่มีเจตนาในการกระทำผิดดังกล่าว ย่อมไม่ครบองค์ประกอบของความผิดและไม่เป็นความผิด ซึ่ง กทค.จำเป็นต้องใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่
2.คณะทำงานให้ความเห็นว่า ในกรณีที่เป็นการดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการให้เช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยแท้ นับแต่มี กทช.กระทั่งเป็น กสทช.ยังไม่มีแนวนโยบายหรือคำตัดสินที่ชัดเจนว่า เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือไม่ แต่ในส่วนของการวิเคราะห์ กลับสรุปว่าการดำเนินการของบริษัท BFKT จะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม
3.ในการพิจารณาคำจำกัดความของ “การประกอบกิจการโทรคมนาคม” ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 คณะทำงานแปลความหมายของคำว่า “บุคคลอื่นทั่วไป” หมายถึงบุคคลอื่นๆ ที่มิใช่ตัวเอง แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยมีความเห็นไว้ในเรื่องเสร็จที่ 498/2546 ในกรณีคล้ายๆ กันว่าการให้เช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมแห่งผู้อื่นเพียงรายเดียว มิใช่เป็นการประกอบกิจการในลักษณะที่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมแก่ “บุคคลอื่นทั่วไป” ข้ออ้างของคณะทำงานที่ว่า ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องนี้มิอาจนำมาเป็นหลักได้เพราะมีขึ้นก่อน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 ประกาศใช้ เป็นเรื่องที่ต้องการความกระจ่างชัด
และ 4.เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สาธารณชนให้ความสนใจและจะเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการต่อไปในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง การพิจารณาวินิจฉัยของ กทค.จึงจำเป็นต้องได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนและถูกต้อง รวมทั้งเหตุผลในการสนับสนุนด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แต่ในรายงานดังกล่าวกลับยังไม่ปรากฏผลการศึกษาของ กมธ.ศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา รวมถึงมติ แนวทางปฏิบัติ และการตรวจสอบของ กทช.ในส่วนที่เกี่ยวข้อง คณะทำงานจึงต้องไปรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมเพื่อประกอบการใช้ดุลยพินิจของ กทค.
“จากเหตุผลข้างต้นทั้ง 4 ข้อ บอร์ด กทค.จึงมีมติให้คณะทำงานกลับไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมแล้วนำเสนอความเห็นเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาของ กทค.ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ให้เลขาธิการ กสทช.ทำความเห็นประกอบการพิจารณาด้วย” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัท BFKT เป็นบริษัทในเครือบริษัท True เดิม บริษัท BFKT ประกอบกิจการให้เช่าเครื่องและอุปกรณ์ระบบ CDMA ให้แก่ บริษัท CAT แต่ต่อมามีการเปลี่ยนเป็นระบบ HSPA หลังจาก TRUE เข้ามาซื้อกิจการบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด หรือ Hutch โดยบริษัท CAT ได้ขายความจุของบริการจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของความจุทั้งหมดให้แก่บริษัท เรียลมูฟ จำกัด บริษัทลูกของบริษัท True เพื่อให้บริการ 3G ภายใต้ชื่อ True Move H ทั้งนี้ การที่บริษัท BFKT ประกอบกิจการโดยมิได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ทำให้สำนักงาน กสทช.มิได้รับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตร้อยละ 2 ของรายได้ และเงินที่ต้องสมทบกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะในอัตราร้อยละ 4 ของรายได้อีกด้วย
