“รักกทม.” “ไร้รอยต่อ” keyword เริ่มแคมเปญหาเสียงผู้ว่าฯกทม. ...สำคัญไฉน?

เมื่อ “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” อดีตรอง ผบ.ตร.ได้รับการสวมเสื้อและชูมือจากแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในช่วงเย็นวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็เท่ากับว่า บัดนี้ตัวละครสำคัญในชิงชัยตำแหน่ง “ผู้ว่าฯกทม.” ต่างขึ้นมาปรากฏตัวบนเวทีครบกันหมดแล้ว
แคมเปญที่ พล.ต.อ.พงศพัศใช้เป็นจุดเริ่มต้น ก็คือ “สร้างอนาคตกรุงเทพฯร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ”
โดย keyword หรือถ้อยคำหลักๆ ในคำปราศรัยครั้งแรกของ “รองฯจูดี้” ก็มีอยู่ 2-3 คำ ได้แก่ ทำงานกับรัฐบาลไร้รอยต่อ, คืนความสุขให้กับคน กทม. และ ขอโอกาสทำงาน
ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” อดีตผู้ว่าฯกทม. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ส่งลงป้องกันตำแหน่งอีกครั้ง ก็จะเริ่มหาเสียงด้วยแคมเปญ “รักกรุงเทพฯ...ร่วมสร้างกรุงเทพฯ”
ส่วน keyword ที่ “คุณชายหมู” พูดระหว่างปราศรัยเปิดศูนย์เลือกตั้งที่ ปชป.เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็มี อาทิ ผมรักกทม., มีประสบการณ์…สานงานต่อได้ทันที และ สร้างมหานครแห่งความสุข
คำถามก็คือ บรรดา “คีย์เวิร์ด” ที่ทั้งตัวผู้สมัคร ทีมงาน และคนที่ไปช่วยหาเสียง พูดซ้ำๆ หรือปรากฏบนสื่อที่ใช้ในการหาเสียง ทั้งป้าย ใบปลิว โซเชียลมีเดีย ย้ำๆ ...มีความสำคัญอย่างไร ต่อการหาเสียงเลือกตั้ง?

มือวางยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองใหญ่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า แม้ keyword เหล่านี้จะไม่มีอิทธิพลมากขนาดทำให้โหวตเตอร์ไปลงคะแนนให้ใคร เพราะต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบ แต่ก็มีความสำคัญในเรื่องของการ “สร้างความจดจำ” ในตัวผู้สมัคร
“ลักษณะคีย์เวิร์ดในการหาเสียงที่ดีจะต้องสั้นๆ กระชับ แค่ขับรถผ่านหรือโผล่ในทีวีไม่กี่วินาที ก็เห็นและจำได้ ที่สำคัญคือพอได้ยินคำนี้ ก็ต้องนึกถึงหน้าผู้สมัครคนนั้นได้ทันที โดยหน้าที่หลักๆ ของคีย์เวิร์ดเหล่านั้น ก็คือการสะท้อนตัวตนหรือบุคลิก ไม่ก็วิธีการทำงานหรือนโยบายของผู้สมัครรายนั้นๆ” เขาให้ข้อมูล
ตัวอย่าง keyword ที่สร้างการจดจำของผู้คนในการเลือกตั้งได้จริงๆ ก็อาทิ “ถ้าจะใช้ผม กรุณาเลือกผม” ของสมัคร สุนทรเวช ที่ทำให้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในปี 2543 โดยได้คะแนนสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1 ล้านเสียง ทิ้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คู่แข่งขันคนสำคัญแบบไม่เห็นฝุ่น
หรือ “คิดใหม่ ทำใหม่” ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ปี 2544 จนชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย
อย่างไรก็ตาม การหาเสียงตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา ของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จาก 2 พรรคใหญ่ ถ้าเปรียบกับเมนูอาหาร ก็ยังแค่ “ออเดิร์ฟ” เท่านั้น
คงต้องรอให้ผ่านวันที่ 21 ม.ค.ที่ผู้สมัครแต่ละคนจะไปเขียนใบสมัครและจับหมายเลขประจำตัวเรียบร้อยก่อน อาหารจานหนักอื่นๆ ถึงจะถูกเสิร์ฟตามมา พร้อมๆ กันกับการทยอย “ปล่อยของ” ออกมาเรื่อยๆ ตามจังหวะจะโคนของแต่ละพรรค
กว่าจะถึงวันหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกพ่อเมืองหลวง 3 มี.ค. ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แต่ละคน ไม่เฉพาะ “พงศพัศ-สุขุมพันธุ์” ก็คงจะสรรหาคำที่คิดว่า “โดน” ออกมาหวังเรียกความสนใจอีกมากมายมหาศาล เป็นแน่แท้ !!!
