“เลขเด็ด” กับการหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.

“ไฮไลต์” สำคัญ ในวันนี้ (21 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. ที่ศาลาว่าการ กทม. ไม่ได้อยู่ที่การกรอกเอกสารราชการ ของผู้เสนอตัวเป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่ได้อยู่ที่เสียงเฮฮาของกองเชียร์ที่ยกโขยงมาให้กำลังใจคนในดวงใจ ไม่ได้อยู่กองทัพสื่อมวลชนที่จะมาปักหลักรายงานความเคลื่อนไหวจนเนืองแน่นลานคนเมือง
แต่อยู่ที่การจับ “หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร” หรือ “เบอร์” ที่จะใช้การหาเสียงไปตลอด 48 วันข้างหน้า กระทั่งถึงวันหย่อนบัตรลงคะแนน วันที่ 3 มี.ค.นี้
เพราะ “เบอร์” ที่ผู้สมัครแต่ละคนได้รับ มีความหมายทั้งทางจิตวิทยา ทางความเชื่อ-โชคลาง และทางกลยุทธ์ในการหาเสียง
เอาง่ายๆ จากการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 เชื่อว่าหลายคนยังจำภาพ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นักการเมืองหน้าใหม่ ชู 1 นิ้วแทน “เบอร์ 1” พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ท้ายสุด พท.ก็ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ส่งผลให้เธอได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

หรือบางคนอาจจะยังจำได้ลางๆ กับภาพ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กางมือทั้ง 2 ข้างขึ้นชูนิ้วทั้ง 10 เพื่อแทน “หมายเลข 10” ที่ ปชป.ได้รับ
กลับกันมีใครยังจำได้บ้างว่า ...พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมชาติพัฒนา หรือพรรครักษ์สันติ ...ได้ “เบอร์” อะไร???
คำถามต่อมาก็คือ แล้ว “เบอร์” อะไร ที่บรรดานักการเมือง ถือเป็น “เลขเด็ด” …?
มีสูตรที่เข้าใจโดยทั่วไป “เลขหลักเดียว” ย่อมดีกว่า “เลขหลายหลัก” เพราะนอกจากจะง่ายในการจดจำแล้ว
ในใบลงคะแนนเบอร์ที่เป็น “เลขหลักเดียว” ยังอยู่ด้านบนซ้ายมือ ซึ่งง่ายต่อการสังเกต
“เบอร์ 1” ถือเป็นเบอร์ที่ดีที่สุด เพราะนอกจากเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยว่าจะมาเป็น “ที่หนึ่ง” เวลาผู้สมัครหรือทีมงานไปหาเสียง ก็ทำเพียงแค่ “ชู 1 นิ้ว” ให้กับโหวตเตอร์ตามทาง
“เบอร์ 2” ก็ไม่แย่นัก เวลาไปหาเสียงก็ชู 2 นิ้ว สัญลักษณ์ วี-วีทอรี (ชัยชนะ) เพียงแต่ความหมายว่า “ที่สอง” อาจจะดูไม่ดีสำหรับผู้ที่เชื่อในโชคลาง เช่นเดียวกับ “เบอร์ 4” ที่พ้ององเสียงกับคำว่า “ซี้” ในภาษาจีน ที่แปลว่า ตาย
“เบอร์ 5” เวลาหาเสียงทำมือง่าย แค่กางนิ้วมือแล้วชูขึ้นฟ้า หรือจะทำเสียงเป็นหัวเราะ ฮ่าๆๆ เหมือนที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2554 จนกระทั่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
“เบอร์ 9” ความหมายดี คือก้าวหน้า ก้าวต่อไป แต่อาจทำมือยากหน่อย
ขณะที่ตั้งแต่ “เบอร์ 10” เป็นต้นไป ถือว่าไม่ค่อยดี เพราะเป็นนอกจากคิดท่าหาเสียงลำบาก ยังจดจำได้ยากอีกต่างหาก พอไปอยู่ในคูหาก็อาจจะลืมจนไปกาให้คะแนนกับคนอื่น

อย่างไรก็ตาม เรื่องเบอร์เหล่านี้ ก็เป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆ หนึ่งในการรณรงค์หาเสียงของผู้ว่าฯกทม. เพราะองค์ประกอบที่สำคัญกว่าก็คือ ตัวผู้สมัคร พรรค และนโยบาย
แต่ก็เป็น “สีสัน” ที่น่าติดตาม และเป็น “ไฮไลต์” ที่น่าจับตา สำหรับวันนับ 1 การรณรงค์หาเสียงชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบเสาชิงช้า!!!
