คุก10ปี"บก.เสียงทักษิณ"หมิ่นเบื้องสูง
วันนี้ (23ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง อ.2962/54 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตย และอดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TUKSIN ) เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 54 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อวันที่ 1 - 15 มี.ค.53 จำเลย ซึ่งเป็นบรรณาธิการนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ได้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย เผยแพร่นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ : เสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 15 ปักษ์หลัง เดือน ก.พ. 2553 ให้แก่ประชาชน โดยได้ลงบทความ คมความคิดของผู้ใช้นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ เรื่อง แผนนองเลือด กับยิงข้ามรุ่น หน้าที่ 45 – 47 ซึ่งเนื้อหาของบทความได้ก้าวล่วง แสดงความเกลียดชัง และมุ่งปองร้าย ต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ เหตุเกิดที่แขวง-เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร และ ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรไทย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่า บทความดังกล่าวนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ยังหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศเป็นคนเขียน อีกทั้งจำเลยไม่ได้ตรวจสอบบทความก่อนตีพิมพ์
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า บทความคมความคิดในนิตยสารเสียงทักษิน มีเนื้อหาที่ไม่ได้กล่าวถึงชื่อบุคคล แต่เขียนโดยมีเจตนาเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อนำมาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า สามารถระบุได้ว่า หมายถึงพระมหากษัตริย์ เนื้อหาเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ การที่จำเลยนำบทความไปจัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และเผยแพร่ จึงมีเจตนาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พิพากษาการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรม รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 5ปี รวม 10 ปี บวกโทษจำคุก 1 ปีในคดีหมิ่นประมาท หมายเลขแดง ที่ อ.1087/52 ของศาลอาญาที่รอลงอาญาไว้ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยไว้ทั้งสิ้น 11 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสมยศ ขึ้นรถเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที โดยวันนี้มีกลุ่มคนใกล้ชิด และผู้สื่อข่าวจำนวนมากเดินทางมาฟังคำพิพากษา
ก่อนหน้านี้นายสมยศ ได้ขอให้ส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฯ ปี 2550 มาตรา 3 , 8 , 29 และ 45 เรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งลักษณะคดีหรือไม่ เพราะไม่มีการกำหนดข้อยกเว้นในการแสดงความคิดเห็นเหมือนกับคดีการหมิ่นประมาททั่วไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 และอัตราโทษจำคุก มาตรา 112 กำหนดไว้ 3 - 15 ปี ซึ่งเท่ากับให้สามารถจำคุกขั้นต่ำได้ 3 ปี ต่างจากคดีหมิ่นประมาททั่วไปที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 112 ยังถูกกำหนดเป็นหมวดความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ทั้งที่ลักษณะคดีเป็นการหมิ่นประมาท
โดยศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 2 บัญญัติว่าประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมาตรา 8 ได้บัญญัติรับรองและคุ้มครองสถานะพระมหากษัตริย์ว่า อยู่ในฐานะเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ ขณะที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้กำหนดลักษณะความผิดและอัตราโทษ ที่รองรับและสอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไว้เพื่อให้รัฐได้ใช้บังคับเพื่อการดูแลความสงบเรียบร้อย เป็นการบัญญัติกฎหมายที่ไว้ใช้ทั่วไป ไม่ได้กำหนดไว้ใช้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ขณะที่ มาตรา 29 และ มาตรา 45 ของ รัฐธรรมนูญ แม้บัญญัติให้สิทธิเสรีภาพบุคคลแสดงความคิดเห็น ตีพิมพ์ แต่การกระทำนั้นก็จะต้องไม่กระทบสิทธิอื่นตามที่รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นบัญญัติไว้เช่นกัน ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีคำวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ.
ขอบคุณข่าวจาก

