คำต่อคำ ‘สมรักษ์ ณรงค์วิชัย’ แจงปมช่อง 3 ถอดละครเหนือเมฆกลางอากาศ

นับตั้งแต่เกิดปัญหากรณีช่อง 3 สั่งถอดละครเหนือเมฆ 2 ตอนมือปราบจอมขมังเวทย์ โดยให้เหตุผลว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม จนสร้างความสงสัยและนำไปสู่การเกี่ยวโยงกับการเมืองว่าอยู่เบื้องหลังการสั่งระงับดังกล่าว ซึ่งคงไม่มีใครให้คำตอบได้ นอกจากผู้บริหารช่อง 3 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคำสั่ง ล่าสุด 23 ม.ค. 56 สมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการและรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายผลิตรายการ ฉายเดี่ยวเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน
สมรักษ์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การอนุมัติผลิตรายการของช่อง 3 ในอดีตจะอาศัยกฎระเบียบจากกรมประชาสัมพันธ์ แต่ปัจจุบันจะเป็นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) นอกเหนือจากนี้จะมีกฎหมายอื่น ๆ ประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งต้องนำกฎหมายเหล่านี้มาพิจารณาว่ารายการที่จะนำเผยแพร่นั้นต้องไม่ทำผิดกฎระเบียบต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตรายการ และเจ้าหน้าที่เซ็นเซอร์ของสถานีพยายามปฏิบัติให้อยู่ในกรอบตรงนั้น
โดยในขั้นตอนการอนุมัติรายการ ส่วนใหญ่ผู้ผลิตต้องส่งเค้าโครงรูปแบบรายการ ก่อนจะอนุมัติเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนละครจะต้องส่งเรื่องย่อให้พิจารณา แต่บางครั้งเราก็อ่านจากนวนิยาย ซึ่งเมื่อผ่านการอนุมัติก็จะต้องส่งบทละครโทรทัศน์ตรวจสอบความถูกต้อง 10 ตอน ก่อนเปิดกล้องถ่ายทำ เพราะหากรอให้ผู้เขียนบทโทรทัศน์เสร็จทุกตอน คงถ่ายทำไม่ทันออกอากาศ เนื่องจากละครเรื่องหนึ่งใช้ระยะเวลาในการถ่ายทำนาน 6-7 เดือน ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรก็จะปล่อยให้ดำเนินการสร้างต่อไป จากนั้นเมื่อการถ่ายทำเสร็จ สถานีจะไม่เห็นเนื้อหาทั้งหมด แต่จะส่งต้นฉบับให้ได้เมื่อมีการตัดต่อและลงเสียงเรียบร้อยแล้ว
“ขณะนี้ลักษณะการทำงานละครของเราจากเดิมจะเป็นการเก็บสต๊อกแล้วจึงออกอากาศ แต่ช่วงนี้จะเป็นละครที่ถ่ายทำไปออกอากาศไป คือ ได้ถ่ายทำไปราว 70% แล้ว เราจึงให้เตรียมตัวออกอากาศ ซึ่งละครหลายเรื่องที่ยังฉายอยู่ยังไม่ปิดกล้องก็มี”
สำหรับกระบวนการส่งรายการเพื่อออกอากาศจะมีเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ โดยด้านคุณภาพละครส่วนใหญ่ ตนจะเป็นผู้พิจารณาดูว่าเรื่องนี้สมบูรณ์หรือไม่และต้องแก้ไขส่วนใด ถือเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของตน หลังจากนั้นจะส่งไปยังคณะกรรมการเซ็นเซอร์ของสถานี ซึ่งเราจะให้นโยบายของการเซ็นเซอร์อยู่แล้ว เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิผู้อื่น โดยระยะหลังเราได้มีนโยบายค่อนข้างตึงตั้งแต่เกิดกรณีไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์ ซีซั่น 2 แม้เราจะมองว่ารายการดังกล่าวไม่ละเมิดใคร แต่กลับถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นเรื่องอนาจาร
เมื่อผู้แทนจากช่อง 3 กล่าวจบช่วงแรก กมธ.ตั้งข้อสังเกตว่าการชี้แจงดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติทั่วไปในการผลิตละครหรือรายการ แต่กรณีละครเหนือเมฆ 2 ช่อง 3 ปฏิบัติอย่างไร
รักษาการผอ.ฝ่ายผลิตรายการ ตอบว่า การถอดรายการถือเป็นเรื่องปกติ ยกตัวอย่างเมื่อธ.ค. 55 ได้ถอดละครชุด ‘ตัดหางปล่อยวัด’ จากผังรายการ ทั้งที่ยังออกอากาศไม่จบ เนื่องจากปรับผังรายการใหม่ ดังนั้นการระงับเหนือเมฆ 2 จึงเป็นเรื่องปกติของสถานี ซึ่งเราเห็นว่าละครเรื่องนี้จะมีปัญหากับเรา หากเผยแพร่ออกไปจึงได้นำละครออก โดยเมื่อละครได้ออกอากาศช่วงแรกจะมีกระแสตอบรับกลับมาที่สถานี ซึ่งเราค่อนข้างกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งจากเนื้อหาละครที่เกี่ยวพันกับนักการเมืองที่ดีและไม่ดี ทั้งที่ความจริงเราไม่มีเจตนาไปกล่าวหาใคร เราเพียงเสนอเพื่อความบันเทิง แต่พอมีกรณีดังกล่าวจึงค่อนข้างกังวล เพราะไม่ต้องการให้ใครนำประเด็นในละครไปวิพากษ์วิจารณ์จนกระทบกระเทือน เราจึงพยายามป้องกันก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น ซึ่งเราได้พยายามวิเคราะห์ว่าสามารถตัดฉากบางฉากได้หรือไม่ แต่ความจริงแล้วไม่สามารถทำได้ เพราะมันเป็นองค์รวมของความรู้สึก ซึ่งเราพยายามทำหลายครั้ง แต่ค่อนข้างเกิดปัญหา ดังนั้นหากยังนำเสนอออกไป สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ สถานีต้องรับผิดชอบ เราจึงตัดสินใจระงับการออกอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตที่เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง โดยไม่มีรัฐบาลหรือใครมาเกี่ยวข้อง
กมธ.ตั้งข้อสงสัยต่อว่าแนวทางปฏิบัติต่อการเซ็นเซอร์ละครได้มีการยึดถือตามหลักเกณฑ์ของกสทช.หรือไม่
สมรักษ์ ยืนยันว่ามีการบังคับใช้หลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกสทช.อย่างเคร่งครัด โดยภายหลังเกิดกรณีไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์ ซีซั่น 2 ได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้ เพราะบางครั้งกฎหมายไม่มีระบุ แต่พยายามนึกว่ามีสิ่งใดหรือไม่ที่ทำให้ผู้บริหารต้องไปชี้แจงและถูกฟ้องร้อง เป็นสิ่งที่ระมัดระวังเพิ่มขึ้น
แล้วสาเหตุใดจึงไม่จัดแถลงข่าวถึงสาเหตุที่แท้จริงของการถอดละครเหนือเมฆ 2
สาเหตุที่ไม่แถลงข่าวนั้น เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เราไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตที่จะต้องจัดแถลงข่าว เพราะว่าเราเคยงดรายการบางรายการ ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ชมทราบผ่านตัววิ่งทางหน้าจอ เลยดำเนินการอย่างที่เราปฏิบัติมา
เพราะอะไรจึงปฏิเสธเข้าชี้แจงพร้อมผู้ผลิตละคร ทั้งที่มีหนังสือส่งถึงวันที่ 10 ม.ค. 56 เหมือนกัน
รองผอ.ฝ่ายผลิตรายการ ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่ได้มา เพราะมีจดหมายจากกมธ.ถึงประธานกรรมการผู้จัดการช่อง 3 แต่เนื่องจากท่านติดภารกิจต่างประเทศ จึงไม่สามารถมาได้ อย่างไรตนพยายามประสานแล้ว จนมีการทำหนังสือแต่งตั้งให้ตนมาโดยตรงในวันนี้ ส่วนประเด็นการสั่งแบนละครนั้น ยืนยันว่าคณะกรรมการเซ็นเซอร์มีอำนาจในการตรวจสอบระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายตนจะเป็นผู้ทำหน้าที่ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งกรณีละครเหนือเมฆ 2 ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะ 3 ตอนสุดท้าย แต่ได้มีการท้วงติงก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเมื่อถึง 3 ตอนสุดท้ายตนจึงตัดสินใจดูเอง
การสั่งถอดละครเหนือเมฆ 2 ถือว่าช่อง 3 คาดการณ์ผิดหรือไม่
ถามว่าประเมินผิดหรือไม่ ต้องบอกว่าเป็นความผิดครั้งที่ 2 เพราะไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์เป็นความผิดครั้งแรก จึงตั้งคำถามว่า ต่อไปนี้เราต้องมีวิธีการปรับวิธีการคิดของเราค่อนข้างมากขึ้นไปอีก ความจริงการนำเสนอละครไม่ว่าอาชีพนักการเมืองหรืออาชีพใด ๆ ถูกกระทบไปหมด ซึ่งสุดท้ายบางครั้งทางออกของเราพยายามบอกว่าเรื่องนี้สมมติ เพราะในการนำเสนอละครมีตัวละครสมมติเยอะแยะไปหมด ซึ่งภายหลังเกิดกรณีนี้แล้วเราคงระมัดระวังมากขึ้น พยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก พร้อมยืนยันอีกครั้งว่าตนเป็นคนสั่งถอดละครเรื่องดังกล่าวเอง
เคยมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาละครเหนือเมฆ 2 หรือไม่
ยังไม่มีการร้องเรียนมาถึงโดยตรง เพียงแค่พบในกระแสโซเซียลมีเดีย
ก่อนหน้าที่จะระงับละครเหนือเมฆ 2 เรตติ้งอยู่ในระดับใด
เหนือเมฆ 2 มีเรตติ้งระดับปานกลาง ผิดกับละครที่ออกอากาศในช่วงเดียวกันอย่างแรงเงาและสามีกำมะลอที่อยู่ในระดับสูงตามลำดับ
ระบุได้หรือไม่ว่าส่วนใดของละครเหนือเมฆ 2 มีเนื้อหาเข้าข่ายผิดม. 37 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
เราค่อนข้างกังวลในประเด็นความขัดแย้งทางความคิดว่าเราตำหนิหรือว่าใครตรงไหนหรือไม่ จริง ๆ เราไม่ประสงค์ให้เกิดแนวคิดทางด้านความขัดแย้งในลักษณะทางสังคม เราระมัดระวังตรงนั้นมากกว่า ทั้งนี้ละครไม่มีอะไรถูกหรือผิดเป็นเรื่องของอารมณ์ เวลาดูละคร มุมคนเราไม่เหมือนกัน เราคิดอย่างนี้ ส่วนคนอื่นคิดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเราจะเจอคำวิพากษ์วิจารณ์ตรงนี้ตลอดเวลา จึงถือเป็นเรื่องวิธีคิดของแต่ละคน อย่างไรก็ตามเราคิดว่าเมื่อมีความขัดแย้งทางความคิด จากการมีคนไปวิพากษ์วิจารณ์โดยที่เราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เราเลยไม่นำเสนอดีกว่า
กรณีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ผลิตละครของช่อง 3 เบี่ยงเบนมาทำละครแนวรุนแรงหรือไม่
สมรักษ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่ถึงขั้นนั้น เรามีบทเรียนแล้วว่าอะไรทำได้หรือไมได้ ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับผู้จัดละครก็ไม่มีอะไร ถือเป็นเรื่องปกติที่เรามีสิทธิแก้งาน เพราะส่วนใหญ่จะมองเราเป็นอาจารย์ การตำหนิหรือแก้ไขจึงเป็นเรื่องปกติ ด้วยความมีประสบการณ์ของเรา ส่วนจะเน้นละครแนวตบตีหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มี เพราะเราได้รับนโยบายจากผู้ใหญ่ว่าต่อไปนี้ละครควรลดความรุนแรง และไม่นำเสนอปัญหาด้านเพศ โดยให้หันมาเน้นละครเชิงสร้างสรรค์สังคม
มีโอกาสนำละครเหนือเมฆ 2 ผลิตเป็นวีซีดีจำหน่ายหรือไม่
ไม่มี ไม่มีความคิดตรงนี้ คงหยุดไปเลย
กรณีนก ฉัตรชัย ออกมาระบุว่าไม่ทราบเหตุผลจากสถานีต่อการระงับออกอากาศละครเหนือเมฆ 2
รักษาการผอ.ฝ่ายผลิตรายการ ตอบว่า คุณฉัตรชัยไปพักผ่อนที่ประเทศเบลเยี่ยมกับครอบครัวช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเสร็จงานก็เดินทางเลย จึงไม่ได้มาเจอกัน และไม่ได้ติดต่อเลย เพราะไม่ได้อยู่ ช่วงเวลานั้นจึงโทรบอก โดยมีความเห็นว่าควรให้รับทราบเบื้องต้นก่อน ส่วนรายละเอียดจะนัดพูดคุยภายหลังมากกว่า เลยตอบไปแค่นั้นว่า “นกรับทราบแค่นี้ก่อน ยังไม่ต้องรู้อะไร” ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เจอตัว คิดว่าพรุ่งนี้ (24 ม.ค. 56)ไปบวงสรวงประจำสถานีคงได้เจอ
การสั่งระงับละครเหนือเมฆ 2 จะทำให้สังคมครหาหรือไม่ถึงความยุติธรรมเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีคดีบริษัทไร่ส้ม
ตนรับผิดชอบงานด้านละครเท่านั้น ส่วนเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง แต่ทราบว่าผู้บริหารคงรอกระบวนการยุติธรรมทางศาลตัดสินก่อนจะมีบทสรุปภายหลัง
