รบ.เผยถอนทหารรอบ “พระวิหาร” สิ้นสุดเมื่อศาลโลกตัดสิน
รบ.ยันถอนทหารรอบ “พระวิหาร” ไม่กระทบอธิปไตย ส่งผลดีต่อการพิจารณาคดี -สิ้นสุดเมื่อศาลโลกตัดสิน
ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เผยแพร่คำตอบกระทู้ถาม เรื่องการถอนกำลังทหารออกจากชายแดนไทย-กัมพูชา (เขาพระวิหาร) ที่ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์มอบหมายให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทน
โดยนายวัชระได้ตั้งกระทู้ถาม 2 ข้อ โดยขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา ดังนี้
จากกรณีที่มีการถอนกำลังทหารของทั้งไทย-กัมพูชา ออกจากบริเวณพื้นที่ทับซ้อนรอบเขาพระวิหารตามคำสั่งของศาลโลก โดยมีการส่งกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ขึ้นรักษาความสงบเรียบร้อยแทน ทำให้ชายบ้านในพื้นที่เกิดความวิตกกังวลเรื่องการเสียดินแดน อธิปไตย และออกมาชุมนุมคัดค้านการถอนกำลังทหาร เพื่อให้คลายความวิตกกังวล ลดความตึงเครียดและการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ฝ่าย ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอเรียนถามว่า
1.การถอนกำลังทหารออกจากชายแดนไทย-กัมพูชา โดยให้ ตชด.ดูแลพื้นที่ต่อไปนั้นมีผลดีผลเสียอย่างไร ขอทราบรายละเอียด
2.กรณีที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องการเสียดินแดนและอธิปไตยบริเวณพื้นที่ทับซ้อนรอบเขาพระวิหารนั้น ทางหน่วยงานภาครัฐมีการปรับแผนยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับความสุ่มเสี่ยงด้านความมั่นคงในเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไร ขอทราบรายละเอียด
พล.อ.ยุทธศักดิ์ได้ตอบกระทู้ถามดังกล่าว มีสาระสำคัญว่า
การถอนกำลังทหารดังกล่าว นับว่าไทยได้แสดงออกถึงความตั้งใจจริงในการปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพิจารณาคดีของศาลโลกต่อไป นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งได้มีการหารือร่วมกันและสมัครใจในการปรับกำลังอย่างพร้อมเพรียงกัน อันส่งผลต่อบรรยากาศความร่วมมือระหว่างประเทศในมิติอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการแสดงความมุ่งมั่นที่ประเทศไทยส่งเสริมการสร้างสันติภาพความมั่นคงในภูมิภาคนี้ ในการเตรียมการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนของประเทศกลุ่มอาเซียนต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ทราบว่า ไทยและกัมพูชาจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลโลก เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศเป็นภาคีสมาชิกจองสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งตามข้อ 94 ของกฎบัตรสหประชาชาติระบุว่า รัฐสมาชิกมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งรวมถึงคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลโลก โดยไทยยังคงมีอำนาจการบริหารปกครองในพื้นที่ดังกล่าวเช่นเดิม และสามารถคงเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธเท่าที่จำเป็นในเขตปลอดทหารชั่วคราวที่กำหนดโดยศาลโลกได้ และการปรับกำลังของฝ่ายไทยถือเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของไทยในฐานะนิติรัฐ และสมาชิกที่มีความรับผิดชอบต่อยูเอ็น นอกจากนี้ คำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลโลก ยังกำหนดให้ไทยและกัมพูชาต้องปฏิบัติโดยเท่าเทียม มิใช่ประเทศใดประเทศหนึ่ง และการปรับกำลังดังกล่าวมีผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งยังไม่กระทบต่ออธิปไตยของไทยและจะสิ้นสุดลงเมื่อศาลโลกมีคำตัดสินในคดีตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหาร พ.ศ.2505
อย่างไรก็ดี การดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงในการปกป้องและรักษาอธิปไตย บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณเขาพระวิหารนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหม (กห.) สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิทธิที่ไทยพึงมีตามกฎหมายระหว่างประเทศ หากได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีกัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทย กต.จะดำเนินการประท้วงฝ่ายกัมพูชาตามขั้นตอนทางการทูตตามความเหมาะสม ซึ่งมีผลตามกฎหมายระหว่างประเทศในการรักษาสิทธิทางด้านเขตแดน

