ย้อนรอยชนวนไล่ “ผอ.อัสสัมชัญบางรัก”
ที่มาของความขัดแย้งใน รร.อัสสัมชัญ จนนำมาสู่การนัดแต่งดำชุมนุมประท้วง กระทั่ง “ภราดาอานันท์ ปรีชาวุฒิ” ผอ.รร.อัสสัมชัญ ต้องสั่งเปิดโรงเรียนหนี เมื่อวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จนเป็นที่สนใจของสาธารณชน เท่าที่ “สำนักข่าวอิศรา” (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า มีต้นสายปลายเหตุหลักๆ อยู่ 3 ประการ

(ภาพจากแฟนเพจกู้อัสสัมชัญ)
1.การตัดค่าครองชีพและไม่ขึ้นเงินเดือนครู
สื่อสิ่งพิมพ์ในเครือเนชั่น ทั้ง นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และ นสพ.คมชัดลึก เป็นสื่อกระแสหลักเจ้าแรกๆ ที่รายงานข่าวดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ “นายเกื้อ วงศ์บุญสิน” นายกสมาคมผู้ปกครองและครู รร.อัสสัมชัญ ที่ระบุว่า ภราดาอานันท์ไม่ยอมขึ้นเงินเดือนให้ครู ทั้งๆ ที่มี ประกาศมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยที่ 1/2555 เรื่องเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการปรับฐานเงินเดือนบุคลาการทางการศึกษา
ที่ให้ รร.ในเครือเซนต์คาเบรีบล ปรับฐานเงินเดือนตามคุณวุฒิการศึกษา โดย ป.ตรี ให้ได้รับเงินอัตราเดือนละ 11,680 บาท ป.โท ให้ได้รับเงินอัตราเดือนละ 15,300 บาท ป.เอก ให้ได้รับเงินอัตราเดือนละ 19,000 บาท ส่วนคุณวุฒิอื่นๆ ให้แต่ละ รร.กำหนดอัตราเงินเดือนตามเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติของแต่ละ รร.
โดยบุคลาการทางการศึกษาที่ได้รับเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ให้จัดให้มีการค่าครองชีพเพิ่มเติมให้ได้เดือนละ 15,000 บาท
นอกจากนี้ บุคลากรทางการศึกษาที่มีใบประกอบวิชาชีพครู ให้ได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 500-1,000 บาท
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 แต่ รร.ในเครือฯแห่งใดยังไม่มีความพร้อม ให้ทยอยจ่ายเพิ่มค่าครองชีพตามอัตราและช่วงเวลาที่ รร.กำหนดได้ แต่จะต้องดำเนินการปรับเพิ่มเงินเดือนบุคลากรทางการศึกษาให้ได้เดือนละ 15,000 บาท ไม่ช้ากว่าวันที่ 1 ม.ค.2557
นายเกื้อกล่าว่า แต่ รร.อัสสัมชัญ กลับไม่ปฎิบัติตามประกาศมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยที่ 1/2555 โดยภราดาอานันท์อ้างว่า เนื่องจาก “ครู” ไม่ถือเป็น “บุคลากรทางการศึกษา” โดยอ้างถึงนิยามใน พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน พ.ศ.2556 มาตรา 4 ที่ได้กำหนดนิยามครูกับบุคลาการทางการศึกษาไว้เป็นคนละคน
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งตัดค่าครองชีพที่เคยได้รับคนละ 1,500-2,000 บาท
ส่วนการขอให้ครูบางส่วนเซ็นใบลาออกไว้ล่วงหน้า นายเกื้อ ก็ยอมรับว่ามีอยู่จริง และเป็นเหตุที่ทำให้ครู รร.อัสสัมชัญบางส่วนแต่งชุดดำประท้วง กลายเป็นคลื่นใต้น้ำในโรงเรียน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2555 เป็นต้นมา
2.การยุบรวม รร.อัสสัมชัญ แผนกประถมและแผนกมัธยม
เดิม รร.อัสสัมชัญตั้งอยู่ที่บางรักเพียงแต่เดียว เป็นที่มาของชื่อ “รร.อัสสัมชัญ บางรัก” แต่ด้วยจำนวนเด็กนักเรียนที่มากขึ้น ทำให้มีการแบ่งเป็น รร.อัสสัมชัญ แผนกมัธยม ตั้งอยู่ที่บางรักที่เดิม และ รร.อัสสัมชัญ แผนกประถม ตั้งอยู่ในซอยเซ็นต์หลุยส์ โดยปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนกว่า 5 พันคน และครูกว่า 500 คน
แต่ก็มีกระแสว่าข่าวว่าจะมีการยุบทั้ง 2 ฝ่ายกลับมารวมกันอีกครั้ง เพื่อจะนำที่เหลือไปขาย และอาจมีการย้ายนักเรียนบางส่วนไปที่ รร.อัสสัมชัญ พระรามสอง !
ต่อเรื่องนี้ แม้ “ภราดาอานันท์” จะเคยเรียกประชุมนักเรียน ม.ต้นและ ม.ปลายของ รร.อัสสัมชัญ ในวันที่ 7 ม.ค.2556 เพื่อยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดที่จะยุบรวม รร.อัสสัมชัญทั้ง 2 ฝ่ายแต่อย่างใด
แต่สมาคมผู้ปกครองและครู รร.อัสสัมชัญก็นัดประชุมในวันที่ 17 ม.ค.2556 เพื่อทวงถามคำตอบในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการจากผู้บริหาร รร.อัสสัมชัญ
อย่างไรก็ตาม เพียง 1 วันก่อนหน้าการประชุมของสมาคมผู้ปกครองฯ "ภราดาศิริชัย ฟอนเซกา" ประธานมูลนิธิเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญ พร้อมด้วย ภราดาอานันท์ ได้ออกมาแถลงข่าวต่อหน้าครู ผู้ปกครอง และนักเรียน โดยภราดาศิริชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าผู้บริหารทุกคนไม่เคยคิดจะขายโรงเรียน ยุบโรงเรียน โอนกิจการ โอนใบอนุญาตไปให้บุคคลใดกลุ่มคณะบุคคลใด หรือหน่วยงานใดของรัฐเลย
“ที่ดินที่ตั้ง รร.อัสสัมชัญทั้ง 2 แห่ง เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของมิสซังโรมันคาทอกลิก แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ที่อนุญาตให้ใช้ที่ดินในการจัดตั้ง รร.เพื่อจัดการศึกษา ดังนั้นมูลนิธิเซนต์คาเบรียลฯ ไม่อยากละทิ้งปณิธานภารกิจให้การศึกษา อบรมเยาวชน โดยเฉพาะการกำหนดเป็นโรงเรียนแห่งแรกของมูลนิธิได้”
ส่วนเรื่องการบีบบังคับให้ครูเซ็นใบลาออก ประธานมูลนิธิเซนต์คาเบรียลฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่า รร.อัสสัมชัญให้สวัสดิการกับครูทุกคนเป็นอย่างดี โดยไม่มีใครได้รับเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท
อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงดังกล่าว ศิษย์เก่าและครู รร.อัสสัมชัญบางคน ยังเห็นว่าเป็นคำชี้แจงลอยๆ อยากจะเห็นคำชี้แจงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากฝ่ายบริหาร
จึงมีการนัดหมายรวมตัวกันยื่นหนังสือต่อ ผอ.รร.อัสสัมชัญเพื่อขอคำตอบที่ชัดเจนเรื่องการควบรวมโรงเรียน และขอให้ยกเลิกคำสั่งตัดค่าครองชีพและปรับฐานเงินเดือนครู

(ภาพประกอบจาก นสพ.บางกอกโพสต์)
3.การบริหารงานของ “ภราดาอานันท์ ปรีชาวุฒิ”
แฟนเพจของกลุ่ม “กู้อัสสัมชัญ” กำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2556 จากฝีมือของศิษย์เก่า รร.อัสสัมชัญ โดยให้เหตุผลว่า “โรงเรียนอัสสัมชัญได้ถูกทำร้ายมาจนมากเกินพอแล้ว พวกเรายอมให้โรงเรียนต้องเสียชื่อเสียงจากที่คนภายนอกรับรู้ แต่จะไม่ยอมให้ ภ.อานันท์ทำร้ายอัสสัมชัญอีกต่อไป”
ความเคลื่อนไหวของแฟนเพจดังกล่าวจึงเน้นไปที่การกดดันให้ภราดาอานันท์ก้าวลงจากตำแหน่ง “ผอ.รร.อัสสัมชัญ” โดยมีการนำพฤติกรรมในอดีตสมัยยังเป็น ผอ.รร.อัสสัมชัญ ธนบุรี รวมถึงคดีความต่างๆ มาเปิดเผย
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องโครงการก่อสร้าง รร.อัสสัมชัญ พระรามสอง มูลค่า 2,500 ล้านบาท ที่ “ภราดาอานันท์” เป็นผู้ริเริ่ม และมีการนำเงินจาก รร.อัสสัมชัญไปอุดหนุน
โดยทางกลุ่ม “กู้อัสสัมชัญ” ได้นัดหมายศิษย์เก่าและครูแต่งชุดดำประท้วงพร้อมยื่นข้อเรียกร้องต่อภราดาอานันท์ ในวันที่ 25 ม.ค. เวลา 10.30 น. ที่หน้า รร.อัสสัมชัญ โดย 1 ในข้อเรียกร้องที่สำคัญได้แก่ “ให้ภราดาอานันท์ลาออกจากการเป็น ผอ.รร.อัสสัมชัญ” !
ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะลุกลามบานปลาย เมื่อภราดาอานันท์ออกประกาศปิดเป็นกรณีพิเศษ ระหว่างวันที่ 25 ม.ค.-1 ก.พ. โดยให้เหตุผลว่า “เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อโรงเรียน วางแผนและนัดหมายกันจะเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในบริเวณโรงเรียนจนถึงขั้นที่โรงเรียนไม่สามารถดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักเรียนได้ ตลอดจนความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของสถาบัน”
ซึ่งประกาศปิดโรงเรียนดังกล่าว ทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย สาธารณชนต่างพุ่งเป้ามาสนใจความขัดแย้งใน รร.อัสสัมชัญ เพราะวันดังกล่าวตรงกับวันปัจฉิมนิเทศของนักเรียน ม.ปลาย รร.อัสสัมชัญพอดี การปิดเรียนยาวดังกล่าวจึงกระทบต่อการสอบโอเน็ตของนักเรียน ม.ปลาย รร.อัสสัมชัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้
เป็นเหตุให้ “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” รมว.ศึกษาธิการ ต้องยื่นมือเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยสั่งให้ รร.อัสสัมชัญต้องกลับมาเปิดตามปกติในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.นี้
ขณะที่คณะภราดาจากเครือเซนต์คาเบรียลต้องเรียกตัวแทนครู ศิษย์เก่าและผู้ปกครอง รร.อัสสัมชัญ มาพูดคุยหาข้อยุติในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค. และได้รับคำขาดให้ปฏิบัติตามข้อเสนอทั้ง 6 ข้อ ในทันที !
โดยข้อเสนอดังกล่าวประกอบด้วย
1.ให้ภราดาอานันท์ลาออกจาตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญโดยทันที
2.ให้แต่งตั้งภราดารที่เคยเป็นอธิการโรงเรียนอัสสัมชัญมาก่อนเป็นอธิการโรงเรียนอัสสัมชัญ
3.ให้แก้ไขวิธีการสรรหาคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา โดยให้มีตัวแทนผู้ปกครอง ศิษย์เก่าและครูมากกว่ากึ่งหนึ่ง
4.ให้เอาเงินโรงเรียนอัสสัมชัญที่ใช้ไปกับการสร้างโครงการโรงเรียนอัสสัมชัญ พระราม 2 คืนมาเพราะเป็นคนละโรงเรียน
5.ให้ยกเลิกความคิดและการกระทำที่จะดำเนินการควบรวมโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมและมัธยม
และ 6.ให้ปรับฐานเงินเดือนบุคลากรโรงเรียนอัสสัมชัญทุกคนตามประกาศที่ 1/2555 ของมูลนิธิเซ็นต์คาเบรียล ตั้งแต่เดือน พ.ค.2555 และให้มีผลไว้ตลอดไป
ที่สุด หลังการพิจารณานานหลายชั่วโมง คณะภราดาเครือเซนต์คาเบรียลจึงมีคำสั่งให้ภราดาอานันท์ยุติบทบาทในฐานะ ผอ.รร.อัสสัมชัญ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง
ปิดฉากศึกใน “รร.อัสสัมชัญบางรัก” ที่ยืดเยื้อข้ามสัปดาห์ !!!
