ระวังจะกลายเป็นสำนักงานโจร โดยวสิษฐ เดชกุญชร
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ปีกลายนี้ (๒๕๕๕) คณะเจ้าหน้าที่ี่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่ง กระจาน จังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ทหารค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานี ตำรวจภูธรแก่งกระจาน ซึ่งมีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็น หัวหน้า ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๙ คน ในข้อหาว่าล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยาน มีซากสัตว์ป่า ไว้ในครอบครอง และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนเข้าไปในเขตอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาต ในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยึดของกลางได้หลายรายการ เป็นปืนทั้งปืนเล็กยาว ปืนลูก ซองยาว ปืนพกสั้น กระสุนปืนกว่า ๑๐๐ นัด และซากสัตว์ที่ถูกฆ่าแล้ว เช่น กระจง และกบทูต
ในจำนวนผู้ต้องหา ๙ คนนี้ มีนายตำรวจรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง คือ พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่อุทยาน จับกุมไว้เพียง ๘ คน ส่วน พ.ต.ท.ธีรยุทธนั้น ถูกลงโทษปรับ ๑,๐๐๐ บาท ฐานเข้าไปในเขตอุทยาน โดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วปล่อยตัวไป ครั้นต่อมาเมื่อนายชัยวัฒน์ นำหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบให้ แก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน ซึ่งตามหลักฐานนั้นปรากฏว่า พ.ต.ท.ธีรยุทธมี ส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย พ.ต.ท.ธีรยุทธก็เข้ามอบตัวเพื่อสู้คดี
ผลปรากฏว่า พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา ๘ คน และสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ธีรยุทธ
นายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานแก่งกระจาน ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพชรบุรี โดยนำหลักฐานคือภาพถ่ายที่มาจากกล้องถ่ายรูปของผู้ต้องหาเองไปมอบให้ด้วย
หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งให้ตั้งกรรมการสอบ สวน พ.ต.ท.ธีรยุทธ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเข้าไปล่าสัตว์ในเขตอุทยาน ก็ให้ดำเนินคดีทั้ง ทางอาญาและวินัยอย่างเฉียบขาด และผู้บังคับบัญชาก็ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ธีรยุทธไปช่วยราชการ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค ๗ เป็นการชั่วคราวแล้ว
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ที่จริงโดยหน้าที่เขาก็ เป็นผู้รักษากฎหมายคนหนึ่ง เขาเคยปรากฏเป็นข่าวมาก่อนแล้วหลายครั้ง เป็นผู้หนึ่งในจำนวน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ที่ได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่น ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดในคดีลอบสังหารนายทัศน์กมล โอบอ้อม หรืออาจารย์ป๊อด นักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน ซึ่งถูกยิงเสีย ชีวิตขณะขับรถยนต์บนถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕
และก่อนหน้านั้น ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ นายชัยวัฒน์ก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น “วีร บุรุษแห่งแก่งกระจาน” หลังจากที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกประสบอุบัติเหตุตกลง ๒ เครื่องใกล้พรมแดนไทย-พม่า และนายชัยวัฒน์ได้ใช้เวลาถึง ๗ วัน นำกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เดินเท้าไปเข้าไปนำศพของเจ้าหน้าที่ทหารออกมาจากที่เกิดเหตุ
พฤติการณ์อื่น ๆ ของนายชัยวัฒน์ไม่ใช่ประเด็นของเรื่องที่ผมเขียนในวันนี้ ประเด็นคือ เรื่องการสอบสวน พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี
น่าสังเกตว่า พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องและปล่อยตัว พ.ต.ท.ธีรยุทธ อย่างรวบรัด ด้วย เหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ทั้ง ๆ ที่ในขณะจับกุมมีพยานบุคคลเป็นจำนวนมาก คือเจ้าหน้าที่ พิทักษ์ป่า เจ้าหน้าที่ทหารค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร แก่งกระจานเอง
คำให้การของ พ.ต.ท.ธีรยุทธที่ว่า ตนเองเดินทางเข้าไปเที่ยวในอุทยานและบังเอิญพบกับ ผู้ต้องหาอื่น ๆ ซึ่งเป็นเพื่อนนั้น พนักงานสอบสวนก็ดูจะรีบเชื่อเอาโดยง่าย
คดีนี้แม้ว่าโดยนิตินัย นายอำเภอแก่งกระจานจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แต่โดย พฤตินัย ผู้ที่สอบสวนผู้ต้องหาและพยานจริง ๆ ก็คือนายตำรวจผู้ทำหน้าที่ฝ่ายสอบสวน
ตำรวจสอบตำรวจ และผู้ที่ทำความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ธีรยุทธ ก็เป็นตำรวจ เท่าที่เคยปรากฏมาแล้ว มีหลายกรณีนับไม่ถ้วน ที่พนักงานสอบสวนที่เป็นตำรวจสอบสวน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นตำรวจแล้ว ลงท้ายผู้ต้องหาก็พ้นผิด แม้จะเป็นคดีอุกฉกรรจ์หรือคดีอาญาร้ายแรง นายตำรวจผู้ต้องหาบางคนอยู่ในราชการต่อมาจนได้รับตำแหน่งบังคับบัญชาชั้นสูง
สืบทอดประเพณีการลูบหน้าปะจมูกต่อมาอีก
ในกรณีของ พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี นี้ เคราะห์ยังดีที่ได้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคน ปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในความตรงไปตรงมา ลงไปสั่งการให้ตั้งกรรมการสอบสวน
สมมติว่าไม่ใช่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนนี้ แต่เผอิญเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ เคยตกเป็นผู้ต้องหา แล้วพ้นผิดมาเพราะการทำสำนวนแบบช่วยเหลือกัน ใครจะไปรู้ว่าลงท้ายคดี พ.ต.ท.ธีรยุทธจะจบลงอย่างไร
ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดให้อยู่ในราชการกันมากขึ้น ๆ ระวังสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติจะถูกชาวบ้านตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “สำนักงานโจรแห่งชาติ” นะครับ.