เปิดตัวเพจ “กลุ่มต่อต้านวิชา IS แห่งประเทศไทย” 5 เดือน ยอดไลค์ทะลุสองหมื่น
เปิดตัวเพจ “กลุ่มต่อต้านวิชา IS แห่งประเทศไทย” 5 เดือน ยอดไลค์กว่าสองหมื่นราย ตั้งคำถามสังคม เป็นวิชาเรียนที่เหมาะสมกับนักเรียน หรือผู้ใหญ่ยัดเหยียด

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา(www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า ขณะนี้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งไปรวมตัวจัดตั้งแฟนเพจ ใน FACEBOOK ใช้ชื่อ “กลุ่มต่อต้านวิชา is แห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555
แจ้งสโลแกนว่า หยุดทำร้ายนักเรียนไทย หยุดทำร้ายการศึกษาไทย ถึงเวลาแก้ไข “การศึกษาไทยไร้คุณภาพ”
พร้อมระบุภารกิจ เปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยให้ก้าวต่อไปในวันข้างหน้า
ให้รายละเอียดว่า ถ้า "IS" เป็นวิชาเรียนที่คู่ควรและเหมาะสมกับนักเรียนไทยจริง ทำไมนักเรียนจึงไม่เห็นด้วยกับวิชานี้? มีประโยชน์จริงงั้นหรือ? หรือเป็นเพียงสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าเด็กทำได้โดยไม่ดูศักยภาพของผู้เรียนที่แท้จริง?
ล่าสุด มีผู้เข้าไปกดไลค์ เป็นจำนวน 20,270 คน
จากการตรวจสอบพบว่าเพจดังกล่าว ดูแลโดยแอดมิน ชื่อว่า IToy Choopinij เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนชื่อดังในกทม.
สำหรับกิจกรรมในแฟนเพจ กลุ่มต่อต้านวิชา isฯ มีทั้งการโพสต์รูปภาพแสดงการเปรียบเทียบสิ่งที่แตกต่าง ระหว่างการเรียนการสอนของต่างประเทศและประเทศไทย
อาทิ ต่างประเทศเรียนวันละ 5 ชม. , นักเรียน 20 คน/ห้อง , เน้นการปฏิบัติ , ร่วมสนทนา/ถกเถียง , ครูตั้งใจอยากเป็นครู ผลคือ การศึกษามีคุณภาพเด็กมีความสุขกับการเรียน ส่วนไทย เรียนวันละ 9 ชม. , นักเรียน 50 คน/ห้อง , เน้นทฤษฎี , จดตามครูสอน , ครูไม่อยากเป็นครู ผลคือ การศึกษาไร้คุณภาพเด็กไร้ความสุขกับการเรียน ติดอันดับ 51 จาก 57 ของโลก

หรือ การแสดงความเรื่องการศึกษาไทย ทั้งจากบุคคลทั่วไปหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงที่แสดงความเห็นไว้ และแอดมินผู้ดูแลเพจดังกล่าว มานำเสนอ
อาทิ ความเห็นแอดมิน ที่ระบุว่า การศึกษาในปัจจุบัน เด็กควรมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางไม่ใช่ให้นักวิชาการนั่งในห้องแอร์มากำหนดหลักสูตรโดยไม่ได้ศึกษาผลดีผลเสียหรือผลกระทบที่เกิดกับเด็กและครู โลกกำลังก้าวหน้า แต่การศึกษาไทยย้ำอยู่กับที่ จะเอาอะไรไปแข่งกับคนอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์แอดมินเพจนี้ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจจริง แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดการเรียนการสอนโดยผ่านรายวิชา is หรือ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง นั้น เป็นรายวิชาเพิ่มเติมประกอบด้วย 3 สาระ ดังนี้
IS 1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนกำหนดประเด็นปัญหา ตั้งสมมุติฐาน ค้นคว้า แสวงหาความรู้และฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างองค์ความรู้ (บันไดขั้นที่ 1-3)
IS 2 การสื่อสารและการนำเสนอ (Communication and Presentation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียน นำความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนาวิธีการถ่ายทอด/สื่อสารความหมาย/แนวคิด ข้อมูลและองค์ความรู้ ด้วยวิธีการ นำเสนอที่เหมาะสม หลากหลายรูปแบบและมีประสิทธิภาพ (บันไดขั้นที่ 4)
IS 3 การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service Activity) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียน นำ/ประยุกต์องค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติ หรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดบริการสาธารณะ (Public Service)
