‘ธาริต’ แจงผ่าน ‘มติชน' "ดีเอสไอไม่รู้ว่าสุวิชชัยมีหมายจับ" ?

(นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอไอส รูปจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์มติชน)
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 26 ก.พ.2556 (กรอบบ่าย) ได้เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีใช้กฎหมายคุ้มครองพยาน นำตัว พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก (นายเกียรติกรณ์ แก้วเพชรศรี) พยานในคดีลักพาตัวนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี (หนังสือพิมพ์มติชนเขียนว่านายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่) นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ออกนอกประเทศ ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.สุวิชชัยเป็นจำเลยมีหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน ซึ่งศาล จ.มีนบุรีได้ออกหมายจับ พร้อมมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ อย่างละเอียด
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ หนึ่งในจำเลยคดีอัลรูไวลี ได้นำหลักฐานการซื้อตั๋วเครื่องบินและบันทึกการเดินทางออกนอกประเทศ มาแสดงต่อศาลอาญา เพื่อชี้ให้มีพนักงานอัยการรายหนึ่งและพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ อีก 2 คน เกี่ยวข้องกับการนำตัว พ.ต.ท.สุวิชชัยออกจากประเทศไทย ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2555
ขณะที่นายธาริต ได้ยื่นขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว พล.ต.ท.สมคิดกับพวก ที่เป็นจำเลยในคดีอัลรูไวลี โดยอ้างว่า เนื่องจาก พล.ต.ท.สมคิดเข้าไปยุ่งเหยิงและข่มขู่พยาน โดยเฉพาะ พ.ต.ท.สุวิชชัย
โดยคำชี้แจงของนายธาริตผ่านหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน มีทั้งหมด 9 ข้อ ดังนี้
1.ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พยานหมายถึงบุคคลที่รู้เห็นโดยตรงที่สามารถจะยืนยันพิสูจน์ความผิดของจำเลยในคดี ไม่ว่าจะเป็นพยานโดยตรงหรือพยานแวดล้อม ซึ่งกฎหมายคุ้มครองพยานไม่ได้มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามว่า พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการจะนำพยานซึ่งเป็นจำเลยหรือผู้กระทำความผิดในคดีอื่นมาเป็นพยานในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ ปกติ หลายคดี มีการนำจำเลยที่ถูกคุมขังในเรือนจำมาเป็นพยานในอีกคดีก็สามารถดำเนินการได้
2.พยานบุคคลนี้เป็นพยานสำคัญมากในคดีเพราะเป็นประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์โดยตรงขณะเกิดเหตุว่าจำเลยที่ 1 พล.ต.ท.สมคิดกับพวกควบคุมสั่งการและอยู่ในเหตุการณ์ที่กำลังรุมทำร้ายนายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ จึงจำเป็นและสมควรอย่างยิ่ง ที่จะใช้เป็นพยานเพื่อให้เบิกความต่อศาลในการพิสูจน์ความผิดของกลุ่มจำเลย
3.การดำเนินคดีอาญาในอีกเรื่องหนึ่งที่ พ.ต.ท.สุวิชชัยเป็นจำเลยคดีพยายามฆ่านั้น ศาลได้ออกหมายจับ คดีดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ต้องติดตามจับกุมตามหมายจับ ซึ่งดีเอสไอไม่มีอำนาจไปจับกุม อีกทั้งกรณีของ พ.ต.ท.สุวิชชัย ดีเอสไอไม่ได้รับทราบอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้ต้องหาคดีใด เพราะไม่มีการประสานจากทาง ตร.ในการติดตามจับกุม ดีเอสไอจึงต้องปฏิบัติกับทาง พ.ต.ท.สุวิชชัย ในฐานะพยานไม่ใช่ผู้ต้องหา ที่สำคัญเชื่อว่าทาง ตร.ก็ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.สุวิชชัยเข้ามาเป็นพยานในคดีดังกล่าวโดยการดูแลของดีเอสไอ เพราะกระบวนการทุกอย่างเป็นความลับ หากในอนาคตทาง ตร. ต้องการทราบเบาะแสของทาง พ.ต.ท.สุวิชชัย เพื่อติดตามจับกุมตามหมายจับคดีพยายามฆ่า ก็สามารถส่งหนังสือประสานอย่างเป็นทางการมาที่ดีเอสไอได้ แต่ดีเอสไอจะพิจารณาบอกถึงแหล่งกบดานหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องหารือในระดับผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง
4.ข้อเท็จจริง พ.ต.ท.สุวิชชัยมิได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เพราะมีการหมุนเวียนโยกย้ายที่อยู่ตลอดเวลา ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยอย่างน้อย 2 ประเทศ และรวมถึงประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีด้วย
5.ตามข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฏ สำหรับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พยานได้ร้องขอให้คุ้มครองตามโครงการคุ้มครองพยาน เพราะหวาดกลัวอิทธิพลของกลุ่มจำเลยว่าจะถูกปองร้าย เพราะกลุ่มจำเลย โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นที่รับรู้ในวงการตำรวจ และวงการเมืองของบ้านเราว่ามีเครือข่าย ร่วมถึงการสนับสนุนจากนักการเมืองที่มีอิทธิพลหลายคนอันเป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน
6.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้อธิบดีดีเอสไอดำเนินการตามว่าด้วยกฎหมายคุ้มครองพยาน โดยใช้มาตรการพิเศษทำให้ดีเอสไอมีอำนาจหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการกับพยานปากนี้ ให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด และการดำเนินการทุกอย่างต้องปกปิดเป็นความลับ หากเปิดเผยจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ดีเอสไอจึงมีข้อจำกัดในการให้ข้อมูลต่อสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง
7.ศาลอาญาได้พิจารณาอนุมัติให้สืบพยานปากนี้ที่ประเทศยูเออีนั้น เป็นไปตามคำร้องขออัยการฝ่ายต่างประเทศ มีเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการว่าขณะนั้นพยานมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศยูเออีจริง
8.ขอยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยพาพยานหลบหนีจากหมายจับคดีอื่นๆ ที่พูดถึง แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอมีหน้าที่คุ้มครองพยานให้ได้รับความปลอดภัยจากภัยคุกคามของกลุ่มจำเลยและพวกพ้องที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับพยานตลอดเวลา ดังนั้น การดูแลติดตามหรือเดินทางร่วมกับพยานไปยังที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ชายแดนของประเทศ หรือประเทศยูเออี จึงล้วนเป็นการอำนวยความสะดวกเพื่อให้การคุ้มครองดูแลเป็นไปตามวัตถุประสงค์การคุ้มครองพยานตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็กำกับดูแลไม่ให้พยานย้ายที่อยู่หลายแห่ง จนไม่เป็นหลักแหล่ง ยากต่อการพิสูจน์ว่าพยานพำนักอยู่ ณ แห่งใดกันแน่ โดยเฉพาะเมื่อศาลอาญาได้อนุญาต ให้สืบพยานในประเทศยูเออีแล้ว
9.นั้นด้วยการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ดีเอไอที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเป็นผลให้การสืบพยานปากของ พ.ต.ท.สุวิชชัยแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ ณ ประเทศยูเออี เป็นที่เรียบร้อย ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของดีเอสไอดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ทำตามหน้าที่ตามที่กฎหมายให้อำนาจอย่างรอบคอบ แต่มีความจำเป็นก่อนที่จะสืบพยาน อาจต้องตอบคำถามสื่อมวลชนไม่ตรงกับความเป็นจริงบ้างในบางกรณี กระทำไปโดยไม่ได้ประสงค์ที่จะให้ข่าวเท็จ มีความจำเป็นเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย ที่มุ่งคุ้มครองพยานจนสามารถนำพยานเบิกความ ณ ประเทศยูเออีได้
