จุฬาฯ ไม่เร่งเร้าอุเทนฯ ย้าย บอกรอได้ เชื่อในเกียรติภูมิ 15 มี.ค.นี้ชุมนุมสงบ
อธิการบดีจุฬาฯ แถลงกรณีข้อพิพาทการทวงคืนที่ดินระหว่างจุฬาฯ - อุเทนถวาย พร้อมช่วยเหลือทุกวิถีทาง ชี้ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องมานั่งคุยกันสามฝ่าย 'ศธ. อุเทนถวาย และจุฬาฯ'

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2556 ที่สำนักงานอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดแถลงข่าวเรื่อง "ทิศทางนโยบายกรจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" โดยศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีข้อพิพาทการทวงคืนที่ดินระหว่างจุฬาฯกับอุเทนถวายว่า มีข้อยุติที่แน่นอนทางกฎหมายแล้ว แต่จุฬาฯ เข้าใจและเห็นใจอุเทนถวายเป็นอย่างยิ่ง และพยายามช่วยเหลือทุกวิถีทาง ประเด็นสำคัญคืออยากให้ทางกระทรวงศึกษาธิการให้ความช่วยเหลืออุเทนถวายใน 2 เรื่องหลัก คือ การจัดสรรงบประมาณสำหรับเป็นค่าขนย้ายหรือการสร้างใหม่ และการสนับสนุนเรื่องการใช้ที่ดินราชพัสดุ
อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า หากทางอุเทนถวายยังไม่ได้รับสนับสนุนดังกล่าว ก็จะยังไม่สามารถย้ายออกไปจากพื้นที่ของจุฬาฯได้ ทางจุฬาฯ ก็ไม่ได้รบเร้าว่าจะต้องออกไปในเร็ววัน จุฬาฯสามารถรอต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า ทางออกที่ดีที่ดีที่สุดขณะนี้ คือ ต้องมานั่งคุยกันสามฝ่าย ระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ อุเทนถวาย และจุฬาฯ โดยเบื้องต้นกำลังประสานไปยังผู้บริหารของอุเทนถวายเพื่อนัดหารือวางแผนอนาคตและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ว่า ถ้าอุเทนถวายจะขอเช่าพื้นที่เดิมในราคาถูก หรือจุฬาฯจะหันไปหาพื้นที่อื่นเพื่อสร้างศูนย์นวัตกรรมฯจะเป็นไปได้หรือไม่ อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า จุฬาฯ ยังยืนยันที่จะต้องทำตามแผนแม่บทที่ได้วางไว้ อย่างไรก็ตาม แผนการสร้างศูนย์นวัตกรรมงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชนยั่งยืนในขณะนี้ยังเป็นเพียงการออกแบบเชิงภาพรวม (conceptual design) ยังไม่สามารถยืนยันรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ รวมถึงระยะเวลาที่แน่นอนในการก่อสร้างว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลากี่ปี เพราะขึ้นอยู่กับอุเทนถวายด้วยว่าจะย้ายออกได้เรียบร้อยเมื่อใด
ศ.นพ.ภิรมย์ กล่าวถึงการเตรียมการรับมือการชุมนุมประท้วงจุฬาฯ ของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอุเทนถวาย ในวันที่ 15 มี.ค. นี้ด้วยว่า จุฬาฯ เคารพในการตัดสินใจของอุเทนถวาย โดยส่วนตัวเชื่อมั่นในเกียรติภูมิของชาวอุเทนถวายทั้งนักศึกษาเก่าและปัจจุบันว่า มีเกียรติภูมิพอที่จะไม่ทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้น และจากการที่นักศึกษาอุเทนถวายได้มาพบพูดคุยกับองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) แล้วนั้น เป็นภาพที่น่ารัก เชื่อว่าแม้จะมีการชุมนุม ก็จะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่คนทั่วไป
ส่วนกระแสความกังวลของบุคคลทั่วไปในสังคมที่เป็นผลมาจากกระแสข่าวการชุมนุมของอุเทนถวายที่มีการเผยแพร่กันผ่านอีเมล์นั้น อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า ยังคงจะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยอยู่ ทั้งการเรียนการสอน และกิจกรรมคอนเสิร์ตสุนทราภรณ์ ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงจัดกำลังกันอยู่แล้ว
รศ.น.อ.นพ.เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิการบดีด้านการจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาฯ และอุเทนถวายเคยมีความตกลงร่วมกัน เมื่อปี 2547 ที่จะโอนย้ายไปใช้พื้นที่ที่ จ.สมุทรปราการ แต่ในขณะนั้นติดขัดเรื่องงบประมาณ ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกส่วนราชการอื่นนำไปใช้แล้ว อย่างไรก็ตามยังมีพื้นที่ใหม่อีกแห่ง อยู่ที่ อ.บางปิ้ง จ.สมุทรปราการ ที่มีความเหมาะสมเป็นที่ตั้งใหม่ของอุเทนถวาย ดังนั้นยืนยันว่าการแก้ปัญหากรณีนี้จึงยังมีความเป็นไปได้อยู่
ด้าน ผศ.ดร.พงศ์ศักดิ์ วัฒนสินธุ์ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ชี้แจงถึงการใช้ประโยชน์บนที่ดินประมาณ 21 ไร่ ซึ่งจะรับคืนมาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ว่าจะดำเนินการตามผังแม่บท พ.ศ.2559 ของจุฬาฯ โดยจะนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาเต็มรูปแบบ ภายใต้โครงการศูนย์นวัตกรรมงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชนยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมในอนาคต
สำหรับรายละเอียดในโครงการฯประกอบด้วย 5 หน่วยงานกับ 1 พิพิธภัณฑ์ คือ หน่วยวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้งานสร้างสรรค์ หน่วยข้อมูลด้านนวัตกรรมงานสร้างสรรค์ หน่วยบ่มเพาะเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หน่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านนวัตกรรมงานสร้างสรรค์ และพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เพื่อสังคม โดยส่วนใหญ่จะคงอาคารเดิมที่สามารถใช้งานไว้และปรับเปลี่ยนภายนอกให้ดูทันสมัย
ผู้บริหารอุเทนฯ รุดพบรมว.ศธ.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกัน ผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เข้าพบและหารือกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ห้องประชุม MOC ในกรณีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ขอคืนที่ดิน โดยผู้บริหารให้ข้อมูลถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์แต่เดิมที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ได้รับพระราชทานมา ไม่เคยเช่าที่ดินดังกล่าว แต่ภายหลังถูกขั้นตอนทางกฎหมายทำให้ที่ดินตรงนั้นตกเป็นของจุฬาฯ และที่ผ่านมาก็ตั้งงบประมาณในการเช่าที่ดินไว้ให้จุฬาฯ มาโดยตลอด แต่จุฬาฯ ไม่เคยรับค่าเช่า ซึ่งในระหว่างนั้นสโมสรนักศึกษาอุเทนถวาย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา 2 ครั้ง แต่เรื่องนี้ยังไม่มีพระบรมราชวินิจฉัยลงมา
ซึ่ง รมว.ศธ.ได้สอบถาม ประเด็นที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาชี้ขาดการยุติ ในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กยพ.) ซึ่ง มทร.วิทยาเขตอุเทนถวาย ก็แจ้งว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปสู้คดีเลย รมว.ศธ.จึงได้ขอให้ไปขอข้อมูลว่า จริงหรือไม่ พร้อมทั้งให้ มทร.วิทยาเขตอุเทนถวาย จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ดูด้วย เพราะขณะนี้ข้อมูลบางส่วนของทั้งสองฝ่ายตรงกัน แต่ยังมีบางส่วนต่างกัน ซึ่งเมื่อได้รับข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายแล้ว จะได้ทราบว่าส่วนที่ต่างกันนั้น ความจริงเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม รมว.ศธ.ได้ฝากให้ มทร.วิทยาเขตอุเทนถวาย ไปช่วยคิดด้วยในเรื่องการอยู่ที่เดิมกับการย้ายไปที่ใหม่ เพราะที่เดิมซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 11 ไร่ เมื่อเกิดปัญหาในขณะนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะพัฒนาอะไรได้มากนัก ในขณะที่สถานที่แห่งใหม่ซึ่งกรมธนารักษ์จัดหาไว้ให้ที่ ต.บางปิ้ง จ.สมุทรปราการ มีพื้นที่กว้างถึง 1,000 ไร่ จึงขอให้พิจารณาถึงผลดีว่าที่ใดจะมีประโยชน์สำหรับนักศึกษามากกว่ากัน เพราะหากจำเป็นต้องย้าย ทางรัฐบาลก็ต้องจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างสถานที่แห่งใหม่ไว้ด้วย
