“ผอ.ไทยพีบีเอส” แจงคุยเรื่องสถาบันในทีวี ดีกว่าปล่อยป้ายสีในเน็ต
เสวนาตอบโจทย์ “สมชัย” แจงสาเหตุให้จัดรายการเรื่องสถาบันกษัตริย์ เชื่อคุยด้วยเหตุผลในทีวี ดีกว่าปล่อยป้ายสีในอินเตอร์เน็ต “อ.ปริญญา” ชี้ ม.112 มีปัญหา เพราะบทลงโทษแรง-ใช้พร่ำเพรื่อ

(นายสมชัย สุวรรณบรรณ - ภาพจากเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ)
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2556 ที่ห้องประชุมชั้น 11 อาคารมงกุฎสมมติวงศ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวทีเสวนาสาธารณะในหัวข้อ “ตอบโจทย์เรื่องตอบโจทย์ : ทีวีสาธารณะกับบทบาทพื้นที่สาธารณะสังคมไทย” โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา ได้แก่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผอ.สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ รศ.จุมพล รอดคำดี ผอ.สถานีวิทยุจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายสมชัย กล่าวถึงสาเหตุที่รายการตอบโจทย์นำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มานำเสนอว่า ตนคิดว่าในปัจจุบัน มีการพูดเรื่องสถาบันแบบใต้ดิน พูดในโซเชียลมีเดีย มีการใส่ร้ายป้ายสีซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อยากให้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดในเวทีสาธารณะ แบบนดิน จะได้ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน พูดในเชิงวิชาการด้วยเหตุและผล
“ในฐานะสื่อสาธารณะ ควรมีบทบาทในการผสานความขัดแย้งหรือเห็นต่าง เพราะหลังการเลือกตั้งผู้ว่ามีความเคลื่อนไหวในสภาเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งสิ้น เราคิดว่าจะทำอย่างไรถึงหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกันบนพื้นฐานเหตุผล หักล้างกันในเชิงวิชาการ” นายสมชัยกล่าว
ผอ.ไทยพีบีเอส กล่าวว่า การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไม่ใช่การงด แต่เป็นการชะลอการออกอากาศ เพื่อขอเวลาพิจารณาเนื้อหาอีกครั้ง และเพื่อลดความขัดแย้ง เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผู้ชุมนุมจะมีมาเพิ่มเท่าไหร่ มีการระดมมาเพิ่มมาเรื่อยๆ และข้อความที่ระดมมีเนื้อหารุนแรง
ด้าน ผศ.ปริญญา กล่าวตั้งคำถามว่า ในเมื่อกรรมการนโยบายไทยพีบีเอสให้ความเห็นว่าควรออกอากาศต่อแล้ว เหตุใดจึงตัดสินใจยุติการออกอากาศเพียง 10 นาทีก่อนรายการเริ่ม การอ้างว่าเป็นห่วงความปลอดภัยพนักงานและองค์กรนั้น ไม่สมเหตุผล เพราะทราบมาว่ามีผู้ชุมนุมเพียง 20-30 คน เหตุใดไม่มีมาตรการอื่นๆ เช่น ให้เจ้าหน้าที่ รปภ. มารักษาความปลอดภัย หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้มีทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยและดำรงไว้ซึ่งหลักวิชาชีพ
“สังคมไทยควรมีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ในเมื่อรายการตอนที่ 5 ออกอากาศไปแล้ว สังคมต้องกลับมาเรียนรู้บทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความแตกต่างเป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ให้เกิดความแตกแยก” ผศ.ปริญญากล่าว
ผศ.ปริญญา ยังกล่าวว่า อยากให้ทีวีสาธารณะเป็นตัวกลางในการเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่เห็นต่างกัน รับฟังซึ่งกันและกัน ยืนยันว่าเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่เรื่องที่พูดถึงไม่ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะพูดถึงอย่างไร และใช้ความระมัดระวัง และความรับผิดชอบต่อผลของการกระทำ ตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลักการว่าไว้ว่า The King can do no wrong พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งหมด ความคิดเห็นต่างได้แต่อย่าดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องด้วย
“ส่วนตัวคิดว่าตัวบทกฎหมายของมาตรา 112 ไม่ได้มีปัญหา ประเทศที่มีสถาบันกษัตริย์ย่อมต้องมีกฎหมายไว้ปกป้องไม่ให้ใครมาละเมิด ปัญหาของมาตรา 112 คือบทลงโทษที่รุนแรง และมีการใช้พร่ำเพื่อ ส่งผลในแนวลบ และไทยพีบีเอสควรเปิดพื้นที่เพื่อหาคำตอบ” ผศ.ปริญญากล่าว

(ซ้ายสุด ผศ.ปริญญา เทวนฤมิตรกุล - ภาพจากเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ)
รศ.จุมพลกล่าวว่า สื่อหากต้องทำงานในประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน ประเด็นที่มีความเห็นขัดแย้งรุนแรงนั้น เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะนำเสนอ ต้องยึดมั่นในจุดยืน ต้องเดินหน้า ทำหน้าที่อย่างปราศจากความครอบงำ และแน่ใจว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สุดท้ายต้องพร้อมรับผิดชอบ
ด้าน พ.อ.นทีกล่าวถึงเหตุการณ์ชะลออกอากาศตอบโจทย์ว่า ตนขอพูดกว้างๆ เพราะไม่อยากให้มีผลผูกพัน ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ตามกฎหมาย ผอ.ไทยพีบีเอส มีอำนาจในการยุติการออกอากาศ เพราะเป็นคนแรกต้องรับผิดชอบ หากสิ่งที่นำเสนอผิดกฎหมาย แต่การตัดสินใจยุติออกอากาศมีการดำเนินการเป็นไปตามผังหรือไม่ ตามขั้นตอนหรือไม่
นายสมชัยตอบข้อสงสัยของ ผศ.ปริญญาว่า ในสถานการณ์นั้นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคนจะมากไหม ที่ไม่ใช้ตำรวจหรือ รปภ. เพราะเกรงจะเกิดเรื่องราวใหญ่โต ตนเองไม่ได้เห็นด้วยกับที่วิทยากรในรายการพูดทั้งหมด แต่ไทยพีบีเอสมีหน้าที่เปิดพื้นที่ในให้คนที่มีความคิดแตกต่างหลากหลายออกมาแสดงความคิดเห็น จึงคิดว่าต้องทบทวนการออกอากาศ เพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายลง ยืนยันจะดำเนินรายการตอบโจทย์ต่อ แม้ผู้ผลิตรายการจะลาออก เพื่อให้ไทยพีบีเอสเป็นเวทีสาธารณะ
“ผมขอยืนยันว่าผมมีจุดยืน ในเรื่อง The King can do no wrong เพื่อเป็นหลักการในการธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ให้คำแนะนำไว้ แม้ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด แต่มีที่เห็นด้วยมี 2 -3 ประการ โดยเฉพาะเรื่องการสนองพระบรมราชโองการ คนที่รับผิดชอบคือคนรับสนอง มีหลักการหลายอย่างทำให้ไม่มีใครสามารถ challenge สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ นี่คือปัญหาสำคัญ เพราะปัจจุบันมีการทำให้พระองค์ท่านถูก challenge เพื่อรักษาความมั่นคงยั่งยืนของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป ต้องมาคิดว่าทำอย่างไรไม่ใช่คนมา challenge พระมหากษัตริย์ ใครจะประณามผมอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่ผมได้ทำหน้าที่บทบาทสื่อสาธารณะในประเด็นนี้ การ challenge ใต้ดินยิ่งตรวจสอบยาก แต่ถ้าทำให้เด่นชัดขึ้นมาว่าไม่มีใครสามารถแตะต้องสถาบันได้โดยที่คนมีความเห็นก็ต้องพูดกับคนที่รับสนองพระบรมราชโองการ ไม่ใช่ก้าวล่วงไปถึงท่าน” นายสมชัยกล่าว
