โพลล์ชี้ปล่อยกู้ 30 ล้านสะเทือนขาเก้าอี้นายกฯ ‘ปู’ -เจ๊แดงยังไม่ถึงเวลาเป็นผู้นำแทน
โพลล์ชี้ปชช. ร้อยละ 19 อยากให้ปรับรมว. ศธ. ที่สุด หวั่นกรณีกู้เงิน 30 ล้านของ ‘ยิ่งลักษณ์’ โดนป.ป.ช.สอบสะเทือนตำแหน่งนายก ระบุ ‘เจ๊แดง’ ยังไม่ถึงเวลาเป็นผู้นำประเทศ
น.ส.ปุณทรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย เรื่อง กระทรวงที่อยากให้ปรับรัฐมนตรีกับอุบัติเหตุทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี พบว่า กระทรวงที่ประชาชนอยากให้มีการปรับรัฐมนตรี 10 อันดับ 1 ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ร้อยละ 19.6 อันดับ 2 ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 11.7 อันดับ 3 มีสองกระทรวง ได้แก่กระทรวงกลาโหม ร้อยละ 9.6 และ กระทรวงการคลัง ร้อยละ 9.6 อันดับ 5 ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 8.6 ในขณะที่ รองๆ ลงไปคือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศ ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 64.2 ไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะดึง ส.ส. จากกลุ่มมัชณิมาเข้าร่วมรัฐบาลในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เกินครึ่งหรือร้อยละ 52.3 คิดว่าในเดือนเม.ย.นี้ บรรยากาศการเมืองจะร้อนแรงมากกว่าอากาศร้อนของเดือนเม.ย. ในขณะที่ ร้อยละ 47.7 ระบุอากาศจะร้อนมากกว่า นอกจากนี้ร้อยละ 61.1 คิดว่า กรณีเงินกู้ 30 ล้านบาทของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบอยู่นี้จะกลายเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ร้อยละ 38.9 ไม่คิดว่าจะกระทบ
ส่วนกระแสข่าว นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 72.4 ระบุยังไม่ถึงเวลาในตอนนี้ ในขณะที่ร้อยละ 27.6 ระบุว่าถึงเวลาแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.9 ยังคงต้องการให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 28.1 ไม่ต้องการให้โอกาสแล้ว
ผช.ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศร้อนในเดือนเมษายนนี้ และจากการสัมภาษณ์เจาะลึกชาวบ้านพบว่า ปัญหาทุจริตข้อสอบครูผู้ช่วยกำลังพ่นพิษใส่กระทรวงศึกษาธิการ ปัญหาจำนำข้าวและราคาพืชผลทางการเกษตรกำลังทำให้ประชาชนอยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงปัญหาความไม่มั่นคงและปากท้องกำลังทำให้ชาวบ้านอยากให้นายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรีในหลายกระทรวงเพิ่มเติมเช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลน่าจะพิจารณาดูว่า เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลจะทำเพื่อตนเองและพวกพ้องหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของทุกคนในชาติด้วยการปรับปรุงกลไกของรัฐเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน
