"อานนท์" เผยกทม.ทรุดตัวปีละ 2 ซม. คนกรุงยังเฉย ชี้ควรเร่งรับมือ
ดร.อานนท์เผย 30-40 ปีข้างหน้า กรุงเทพฯเผชิญระดับน้ำทะเลเพิ่ม แผ่นดินทรุดปีละ 2 ซม./ปี ชี้ประชาชนยังไม่ใส่ใจปัญหาเท่าที่ควร แนะรัฐร่วมมือกับทุกภาคส่วนสร้างกลไกรับมือ ด้านอจ.รัฐศาสตร์แนะคนเมืองระวังภัยเสี่ยงใกล้ตัว

(ที่มาภาพ http://bit.ly/ZpwsHV)
(27 มี.ค.) ที่ห้องประชุม ประกอบ หุตะสิงห์ อาคารเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สภาผู้แทนราษฎรร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานสัมมนาวิชาการ “อนาคตมหานครกรุงเทพฯกับความเสี่ยงภายใต้ความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน”
ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ กล่าวถึงความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติของกรุงเทพมหานครว่า จากการคาดการณ์แนวโน้มในระยะ 30 - 40 ปีข้างหน้า ผลจากภาวะโลกร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานครจะเผชิญความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการทรุดตัวของแผ่นดิน โดยระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร ส่วนการทรุดตัวของแผ่นดินกรุงเทพฯปัจจุบันพบว่า จุดที่ทรุดตัวสูงสุด ทรุดลง 4 เซนติเมตรต่อปี และทรุดเฉลี่ยทั้งกรุงเทพฯ 2 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการสูบน้ำบาลขึ้นมาใช้จำนวนมากเมื่อหลายสิบปีก่อน นอกจากนี้ ระยะ 5-10 ปีข้างหน้า พายุในอ่าวไทยก็มีโอกาสเกิดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ภัยพิบัติที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เช่น อุทกภัยปี 2554 ยังไม่มีกลไกที่ชัดเจนว่าจะแก้ไขอย่างไร ดังนั้นการเตรียมการรับมือกับความเสี่ยงภัยธรรมชาติอื่นในอนาคต ประเทศไทยต้องการกลไกระดับใหญ่ทั้งชาติ ที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด การโต้แย้งจากคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน
“การทรุดตัวของแผ่นดินเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุด แต่คนส่วนใหญ่ยังเพิกเฉย อีก 30 ปีกรุงเทพฯทรุดลงไปอีก 60 เซนติเมตร ต้องเริ่มคิดอะไรแล้ว ความเร่งด่วนมี แต่ในวันนี้เรามีความเห็นที่แตกต่างหลากหลายมากจากแต่ละฝ่าย ต่อการแก้รับมือกับภัยพิบัติ ทุกวิธีแก้ปัญหามีทั้งคนได้และเสีย อาจเกิดความไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประเด็นสำคัญที่สุดในวันนี้คือ คนขาดความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะได้รับความเป็นธรรม ถ้าวิธีใดวิธีหนึ่งถูกเลือกใช้” ดร.อานนท์ กล่าว
ขณะที่ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวช อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้หลายรูปแบบ เช่น ปัญหาน้ำท่วมที่มักก่อปัญหาขยะด้วย การก่อสร้างอาคารสูงมีโครงสร้างที่รองรับแผ่นดินไหวหรือไม่ หรือถนนที่แออัดด้วยอาคารสูงและเส้นทางรถไฟฟ้าอย่างถนนสุขุมวิท ถ้าเกิดไฟไหม้จะสามารถอพยพคนและส่งรถดับเพลิงเข้าถึงจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็วได้อย่างไร เหล่านี้เป็นสิ่งที่คนที่อยู่ในเมืองต้องใส่ใจที่จะรู้และเข้าใจ และเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว หน่วยงานที่มีหน้าที่อาจต้องจัดระบบการจัดการเมืองใหม่ เช่น ไม่อนุญาตให้รถบรรทุกแก๊สอันตรายเข้ามาในพื้นที่เมืองที่มีผู้อาศัยอยู่มาก เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ ขอบเขตความเสียหายจะกว้างมาก
