ผลสอบทุจริตระบายข้าว โยง'ไตรรงค์-พรทิวา'
"ธาริต"สรุปผลสอบคดีทุจริตระบายข้าว โยง"ไตรรงค์-พรทิวา" ส่อผิดฮั้วประมูลเอื้อประโยชน์ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 ราย ทำรัฐเสียหาย
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติม
"สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่านายอภิสิทธิ์มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายซึ่งวิธีการดังกล่าวต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมานายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกบีบให้ลาออก และมีการประกาศยกเลิกการประกวดราคา โดยอ้างว่ามีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง ต่อมานายมนัส สร้อยพลอย เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแทนนายวิจักร และเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมากยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่งออกเป็นรายๆไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน"นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวต่อว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรคิดเป็นปริมาณมากกว่า 900,000 ตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่น้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชนที่ผิดสัญญา ในส่วนของการระบายข้าวค้างสต๊อกเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้มีการพิจารณาจำหน่ายให้บริษัท หนองลังกาฟาร์ม รายเดียวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ในราคาตันละ 5,400 บาท มูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท โดยผู้แทนบริษัท หนองลังกาฟาร์ม คือ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันถูกร้องเรื่องทุจริตการรับจำนำข้าว นายธาริต กล่าวว่า การรับจำนำข้าวมีหลายมิติ ที่ผ่านมาจากการสืบสวนพบมีการทุจริตในระดับพื้นที่และสต๊อกข้าว 4-5 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินคดีมีการดำเนินคดีเป็นรายย่อยและมีการส่งสำนวนให้ป.ป.ช.ไปแล้ว ระหว่างนี้ดีเอสไอร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินสายให้ความรู้ประชาชนและเกษตกรให้รู้เท่าทันกลโกงของโรงสี
ด้านพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.มีความเกี่ยวโยงถึงนายไตรรงค์ เนื่องจากการสอบสวนพบหลักฐานข้อมูลเป็นคำสั่งอนุมัติ เอกสารสัญญาและมติเห็นชอบของนายไตรงรงค์ซึ่งดีเอสไอได้สอบปากคำไว้แล้ว โดยนายไตรรงค์ให้การยอมรับว่าไม่มีการเปิดประมูลเพราะต้องการให้เสนอซื้อในทางลับเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำแต่ดีเอสไอมองว่าราคาซื้อขายต้องอ้างอิงกับราคาตลาดโลก รัฐบาลจึงต้องเปิดเผยการขาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าขาดความเป็นธรรม ที่สำคัญการเจรจาขายในทางลับไม่ช่วยให้รัฐขายข้าวได้ราคาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานกขช.เกี่ยวข้อง เพราะมีการตัดตอนให้เป็นอำนาจของรองประธานกขช.และรมว.พาณิชย์

