'อรรถวิชช์' พท.ตีเช็คเปล่า 2 ล้านล้าน vs 'วราเทพ' สมัย ปชป.ทำยิ่งกว่านี้

(จากซ้าย อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี - วราเทพ รัตนากร)
เป็นที่คาดกันว่า ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ ฝ่ายค้านซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะโจมตีว่า ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก้อนนี้ ไม่มีรายละเอียดโครงการ คล้ายการ “ตีเช็คเปล่า” มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ให้กับรัฐบาล
เปิดโอกาสให้มีการ “ยัดไส้” โครงการที่ไม่จำเป็นเข้ามาใช้งบก้อนดังกล่าวได้ภายหลัง
ขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็เตรียมย้อนศรว่า สมัยที่ ปชป.เป็นรัฐบาล ก็เคยใช้วิธีการเดียวนี้มาก่อน ในการออก พ.ร.ก.กู้เงินโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเพียงเสนอให้ที่ประชุมสภาฯ รับทราบโดยไม่มีรายละเอียดใดๆ เช่นกัน
ราวเที่ยงอขงวันที่ 28 มี.ค.ก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริงๆ โดย “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” ส.ส.ปชป. ลุกขึ้นสอบถามว่า เหตุใดรายละเอียดโครงการที่ ครม.เสนอมายังสภาฯ ที่มีความหนาถึง 231 หน้า จึงเป็นเพียง “เอกสารประกอบ” ซึ่งไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ ไม่ใช่ “บัญชีแนบท้าย” การเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
“ในขณะที่ร่าง พ.ร.บ.มีเพียง 4 หน้า และมีบัญชีแนบท้ายเพียง 2 หน้า แต่รายละเอียดโครงการต่างๆ รัฐบาลทำแยกออกมาไว้ในเอกสารประกอบ ที่มี 231 หน้า แต่มันไม่มีผลผูกพันกับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ผมจึงมีความกังวลว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาของ ส.ส.หรือ ส.ว.ไปได้ จะเหมือนการเซ็นเช็คเปล่าให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ตามใจชอบ”
ส.ส.ปชป.รายนี้ยังกล่าวว่า ในขณะที่ “ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์” รมว.คมนาคม ระบุว่า ในการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท บางส่วนจะถูกนำมาใช้ทำรถไฟความเร็วสูง จาก กทม.ไปเชียงใหม่ หนองคาย ระยอง และปาดังเบซาร์ แต่ในเอกสารประกอบ กลับบอกว่าจะไปถึงแค่ หัวหินและโคราชเท่านั้น เหมือนเป็นโครงการกุด เป็นสิ่งที่ยัดไส้กันมา ตนจึงยืนยันว่าไม่เอากฎหมายนี้ และไม่กล้าที่จะถูกด่า
อรรถวิชช์ยังส่งสารถึง “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังโดยตรงว่า “ผมขอท้าท่านให้เอารายละเอียดในเอกสารประกอบ ทั้ง 231 หน้า มาใส่ไว้ในบัญชีแนบท้าย เพราะถึงใส่ไว้ในเอกสารประกอบก็ไม่มีผลทางกฎหมาย เพื่อให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณา หาก กมธ.ไม่เห็นด้วยจะให้ตัดออก"
“ผมให้เวลาท่าน 2 วัน (28-29 มี.ค.นี้) ในการตอบว่าจะยอมรับคำท้าผมหรือไม่” เขาว่า
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่ลุกขึ้นมาตอบได้แก่ “วราเทพ รัตนากร” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังเป็นเพียงวาระที่ 1 ในขั้นตอนรับหรือไม่รับหลักการ เอกสารจึงไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียด เพราะขั้นต่อไปจะมีการตั้ง กมธ.เพื่อพิจารณาวาระที่ 2 ซึ่งจะมีรายละเอียดให้ กมธ.สามารถเสนอปรับลดได้
“ก็เหมือนกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่จะเขียนไว้เฉพาะตัวเงินเท่านั้น เมื่อถึงชั้น กมธ.ค่อยส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเป็นลังๆ ให้ กมธ.ได้นำไปประกอบการพิจารณา ที่สำคัญการเขียนยุทธศาสตร์ไว้กว้างๆ ยังทำไปเพื่อหากเกิดปัญหาในการปฎิบัติ ผู้เกี่ยวข้องจะได้ปรับเปลี่ยนวิธีการได้ทันที แต่ถ้าระบุไว้ในตัวกฎหมายเลยถ้ามีปัญหาจะปรับเปลี่ยนอะไร จะต้องเสนอเป็นร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่สภาฯ อีก ซึ่งจะยุ่งยากและใช้เวลา”
วราเทพยังกล่าวย้อนอดีตไปถึงสมัยรัฐบาล ปชป.ว่า เคย ออก พ.ร.ก.กู้เงิน และเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ในโครงการไทยเข้มแข็ง รวมเป็นเงิน 8 แสนล้านบาท โดยที่ไม่ให้รายละเอียดใดๆ เลยด้วยซ้ำ แต่มาขอความเห็นจากสภาฯ ว่าเห็นชอบหรือไม่
“ผมขอถามกลับว่า อย่างนั้นใช่การเซ็นเช็คเปล่าหรือไม่" เขาย้อนถาม
