ผักอาเซียน เน่า แน่ๆ โดยสมเกียรติ อ่อนวิมล

ผักอาเซียน เน่า แน่ๆ
ว่าด้วยเรื่องแผนแม่บทเชื่อมโยงอาเซียน
กับ แผนกู้เงินสร้างทางรถไฟ และ ถนน ของรัฐบาลไทย
เมื่อปี 2009/2552 ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนสองครั้งที่ ชะอำ-หัวหิน คือการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14th เดือนกุมภาพันธ์ 2552 และ ครั้งที่ 15th เดือนตุลาคม ปีเดียวกัน ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15th นี้เองที่รัฐบาลไทย โดยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เสนอแผนการเชื่อมโยงอาเซียน (ASEAN Connectivity) และแผนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund) และที่ประชุมเห็นด้วยจึงออกเป็นคำแถลงของประธานเรื่องการเสริมสร้างและ พัฒนาการเชื่อมโยงอาเซียน และ การเพิ่มพลังให้กับประชาชนในอาเซียน (http://www.asean.org/news/item/chairman-s-statement-of-the-15th-asean-summit-enhancing-connectivity-empowering-peoples) อันเป็นที่มาของเอกสารสำคัญที่ลงนามกันที่กรุงฮานอยในเดือนตุลาคมปีต่อมา เรียกว่า “แผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน | Master Plan on ASEAN Connectivity” (http://www.asean.org/archive/documents/MPAC.pdf)
ประเทศไทยโดยรัฐบาลไทยจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มผลักดันให้อาเซียนมีระบบเชื่อมโยงถึงกัน (http://www.mfa.go.th/asean/contents/files/other-20121130-180753-220391.pdf)
การเชื่อมโยงที่ว่านั้นแบ่งเป็น 3 แบบ คือ:
- การเชื่อมโยงทางกายภาพ (Physical Connectivity)
- การเชื่อมโยงทางด้านระบบการบริหารจัดการ (Institutional Connectivity)
- การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน (People - to - People Connectivity)
เฉพาะการเชื่อมโยงทางกายภาพ คือการเชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และ ทางอากาศ แผนแม่บทฯกำหนดให้รัฐสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ปรับปรุงเครือข่ายถนน-ทางหลวงสายสำคัญๆให้ได้มาตรฐานสากล เส้นทางใดตามแผนที่ยังไม่ได้สร้าง หรือสร้างยังไม่เสร็จ ก็ให้ทำให้เสร็จภายในปี 2020/2563 โดยควรให้ได้มาตรฐานถนนที่เรียกว่า “Class I” หรือ “ชั้น 1” หากเป็นไปไม่ได้ก็ควรเป็นถนน Class II หรือ ชั้น 2 เส้นทางต่างๆที่กำหนดนั้นก็ให้เป็นไปตามระบบเครือข่ายถนนหรือทางหลวงสาย เอเชีย (Asian Highway - AH) ผนวกกับเครือข่ายถนนหรือทางหลวงสายอาเซียน (ASEAN Highway Network - AHN) ในพื้นที่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion - GMS) ที่ประเทศไทยร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย และในอนุภูมิภาคอื่นของอาเซียน

การกำหนดเส้นทางที่อยู่ในเครือข่าย AHN, การปรับปรุงและสร้างถนนสายต่างๆตามที่กำหนด, การสร้างเส้นทางที่ยังขาดอยู่ ตลอดจนการจัดทำป้ายริมถนนบอกเส้นทางเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 1999 ถึงปี 2004 คุณภาพถนนทั้งหมดจะไม่ต่ำกว่ามาตรฐานระดับ 3 (Class III) และเมื่อถึงปี 2020 ทุกเส้นทางจะต้องได้มาตรฐาน Class I หรือระดับ 1 แต้ถ้าเป็นเส้นทางที่มีการคมนาคมขนส่งไม่มากนัก และไม่ใช่ทางสายหลักที่ประชุมรัฐมนตรีคมนาคมอาเซียนก็ยอมที่จะรับมาตรฐานถนน Class II หรือ ระดับ 2 ได้

เครือข่าย “ทางหลวงสายอาเซียน” (ASEAN Highway Network - AHN) เป็นการขยายเส้นทางหลักเดิมที่เป็นเครือข่ายทางหลวงสายเอเชีย (Trans Asian Highway Network - AH) ส่วนที่ผ่านภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด รวมทั้งสิ้นมี 23 สาย ความยาว 38,400 กิโลเมตร ในจำนวนนี้นอาเซียนกำหนดทางหลวงที่จัดเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งหลัก (Designated Transit Transport Routes -TTRs) รวม 21,206 กิโลเมตร นับเฉพาะ TTRs ส่วนที่ผ่านประเทศไทย หรือเป็นความรับผิดชอบของไทยที่จะต้องสร้างหรือปรับปรุงให้ได้มาตรฐานแล้วไป เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นมีความยาวทั้งสิ้น 4,477 กิโลเมตร ซึ่งประเทศไทยได้ปรับทุกเส้นทางได้เกินมาตรฐานระดับ 3 หมดทุกเส้นทางแล้ว ปัจจุบันนี้ก็มีการติดป้ายบอกชื่อถนนสาย AH หมายเลขต่างๆข้างทางไปมากทั่วประเทศแล้ว (ป้ายสีน้ำเงินตัวอักษร AH1, AH2, AH2 ฯลฯ สีขาว) เส้นทางที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานระดับ 3 มีอยู่ 2,069 กิโลเมตร ในประเทศลาว (391 กม.) พม่า (1,467 กม.), และฟิลิปปินส์ (211.5 กม.) ตามข้อมูลปี 2010 จากเอกสารแผนแม่บทฯ
สรุปแล้วประเทศไทยมีระเครือข่ายทางหลวงได้คุณภาพมาตรฐานสากลตามที่อาเซียน กำหนดร่วมกันแล้ว ถือว่าประเทศไทยมีความพร้อมสมบูรณ์แล้วเรื่องถนน หรือทางหลวงสาย AH

สำหรับทางรถไฟเชื่อมโยงอาเซียนนั้น กำหนดไว้เป็นเส้นทางหลักสายเดียวเชื่อมโยงอาเซียนในภาคพื้นทวีป หรือคาบสมุทรอินโดจีนทั้งหมด เรียกว่าทางรถๆไฟสาย“สิงคโปร์-คุนหมิง” (Singapore-Kunming Rail Link - SKRL) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 5 ปี 1995/2538 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯสมัยนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ทางรถไฟอาเซียนสายสิงคโปร์-คุนหมิง (SKRL) กำหนดเสร็จสมบูรณ์ปี 2015 โดยมีจุดเริ่มที่สิงคโปร์ - ขึ้นเหนือสู่กรุงเทพฯ - เลี้ยวซ้ายเข้าพม่าถึงเมืองย่างกุ้ง - ขึ้นเหนือไปเมืองหลวงเนปิดอว์ - มัณฑะเลย์ - ลาชิโอ - ต่อเข้าไปในประเทศจีน ถึงเมืองคุนหมิง - แล้ววกลงล่างแวะที่เมืองฮานอย - เลาะเลียบชายฝั่งตะวันออกของเวียดนามลงทางใต้ - ตรงเมืองวุงอังมีทางแยกซ้ายไปทางตะวันตกผ่านท่าแขกถึงเวียงจันทน์ - ส่วนทางเดิมจากวุงอังมุ่งลงใต้ ถึงเมืองโฮจิมินห์ - เลี้ยวซ้ายถึงพนมเปญ - แล้วแยกลงใต้เส้นหนึ่งไปสุดที่เมืองท่าสีหนุวิลล์ - อีกเส้นหนึ่งจากพนมเปญ ผ่านศรีโสภณ - ปอยเปต - เข้ากรุงเทพ - แล้วลงใต้ถึงสิงคโปร์ เป็นอันจบครบวงรอบการเดินทางของทางรถไฟสาย สิงคโปร์-คุนหมิง หรือ SKL
ณ เวลานี้ทางรถไฟสาย SKL ยังมีส่วนที่ยังเป็นทางขาด (missing link sections) อยู่หลายช่วงรวมระยะทางที่ขาด 4,069 กิโลเมตร โดยมีประเทศที่จะต้องรับผิดชอบสร้างส่วนที่อยู่ในประเทศของตนให้เสร็จรวม 6 ประเทศ คือ:
กัมพูชา : ปอยเปต-ศรีโสภณ ความยาว 48 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2013
พนมเปญ-ลอค นินห์ ความยาว 254 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2020
ลาว: เวียงจันทน์-ท่าแขก-มูเกีย ความยาว 466 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2020
มาเลเซีย: ซ่อมแซมบางส่วน
พม่า: ลาชิโอ - พรมแดนจีน -ไม่มีข้อมูลระยะทาง
ถั่นบีอูซายัต - ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 110 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2020
เวียดนาม: มูเกีย-ตันอับ-วุงอัง ความยาว 119 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2020
ประเทศไทย: น้ำตก-ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 153 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2020
อรัญญประเทศ-คลองลึก ความยาว 6 กิโลเมตร ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2014
สำหรับประเทศไทย ณ เวลานี้ดูจาก “ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ” หรือที่เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่าร่างพระราชบัญญัติกู้เงินสองล้านล้านบาท นั้น เส้นทาง น้ำตก-ด่านเจดีย์สามองค์ และ อรัญญประเทศ-คลองลึก ไม่ปรากฏในแผนงานของรัฐบาลเลย
เอกสารประกอบร่างพระราชบัญญัติกู้เงินฯของรัฐบาลที่บอกว่าเป็นยุทธศาสตร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งไปสู่ศูนย์ กลางของภูมิภาคทั่วประเทศ และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านจึงไม่เป็นความจริงหากพิจารณาเฉพาะเรื่อง ทางรถไฟสายสิงค์โปร์-คุนหมิง ตามแผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน
แต่ถ้าพิจารณาเรื่องทางหลวงสายอาเซียนประเทศไทยก็สร้างถนนได้มาตรฐานอาเซียนเสร็จไปนานก่อนรัฐบาลปัจจุบันจะเข้ามาบริหารประเทศแล้ว
ดังนั้นเส้นทางใดที่รัฐบาลไทยจะกู้เงินไปสร้างจนไปติดพรมแดนประเทศสมาชิกอาเซียนชาติอื่นจึงเป็นเรื่องของรัฐบาลไทยเราที่คิดจะสร้างเอง ไม่เกี่ยวกับแผนแม่บทของอาเซียนแต่อย่างใด
การที่รัฐบาลต้องการกู้เงินสองล้านล้านบาทมาเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งจึงเป็นเรื่องในประเทศเป็นหลัก ไม่มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกันแผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงอาเซียนด้านกายภาพ โดยตรง อันที่จริงรัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงแผนเชื่อมโยงอาเซียนโดยทางรถไฟเลยเพราะมอง ข้ามแผนแม่บทของอาเซียน และปล่อยให้หลุดลอดการพิจารณาไปโดยมิได้เอ่ยถึงเลยในแผนพัฒนาเส้นทางคมนาคม ครั้งใหญ่ของรัฐบาล
สงสัยว่าทำไมรัฐบาลจึงคิดจะกู้เงินจำนวนมหาศาลมาสร้างถนนและทางรถไฟทั้งระบบ ราคู่และระบบความเร็วสูง แต่กลับไม่มีแผนสร้างทางรถไฟส่วนที่ขาดหายไปในเส้นทางเชื่อมโยงอาเซียนสาย SKL ทั้งๆที่เป็นงานบังคับที่เป็นความตกลงระหว่างประเทศในอาเซียนที่รัฐบาลไทย ได้ลงนามไว้ด้วยแล้ว
เรื่องนี้อาจตกหล่นไปโดยมิได้ตั้งใจ เพราะกระทรวงคมนาคมย่อมทราบถึงแผนเชื่อมทางรถไฟในอาเซียนดีอยู่แล้ว แต่รัฐบาล โดยเฉพาะที่ปรึกษาของรัฐบาลอาจไม่มีเวลาศึกษาแผนโครงสร้างพื้นฐานของอาเซียน จนเข้าใจถ่องแท้ การเร่งร่างแผนยุทศาสตร์และแผนกู้เงินที่เร่งทำย่างรวดเร็วเกินไปจึงทำให้ เกิดความผิดพลาดดังที่อธิบายมา ซึ่งเรื่องนี้แก้ไขได้ และต้องแก้ไข หากคนของรัฐบาลได้อ่านบทความนี้ก็คงจะเข้าใจและเร่งนำไปปรับแก้ให้สมบูรณ์ หรือแ้กระทั่งฝ่ายค้านถ้าหากทราบเรื่องจากบทความนี้ก็ควรช่วยรัฐบาลแปรญัตติ ในกระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯในสภาผู้แทนราษฎร
หากรัฐบาลปรับแผนโดยเพิ่มการสร้างทางรถไฟจากสถานีน้ำตกเข้าถึงด่านเจดีย์สาม องค์ซึ่งมีระยะทางเพียง 153 กิโลเมตรได้ รวมอีก 6 กิโลเมตร ช่วงอรัญญประเทศ-คลองลึก ก็จะเป็นการตอบสนองแผนของอาเซียนตามที่ตกลงกันไว้ ทางรถไฟที่ว่านี้เป็นทางรถไฟธรรมดา จะมีกี่ราง หรือจะใช้ความเร็วขนาดไหน อาเซียนไม่มีข้อกำหนดใดๆ ยกเว้นระบบรางจะต้องขนาดเดียวกัน เชื่อมโยงเข้ากันได้กับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด
เรื่องนี้ต้องทำ
ไม่ทำไม่ได้
เพราะเป็นแผนงานที่ตกลงกันในอาเซียนแล้ว
หากไม่มีเงินก็ลดโครงการอื่นเพื่อเอาเงินมาทำทางรถไฟช่วง “น้ำตก-ด่านเจดีย์สามองค์” และ
“อรัญญประเทศ-คลองลึก นี้ให้ได้
เรื่องนี้ต้องทำ
ไม่ทำไม่ได้ จริงๆ
ถ้าไม่ทำประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ทำให้การเชื่อมโยงอาเซียนด้วยทางรถไฟ
เป็นไปไม่ได้
ถึงปี 2020 ผักอาเซียน “เน่า” แน่ๆ
สมเกียรติ อ่อนวิมล
4 เมษายน 2556
อ้างอิง
1. http://www.asean.org/news/item/chairman-s-statement-of-the-15th-asean-summit-enhancing-connectivity-empowering-peoples
2. http://www.asean.org/archive/documents/MPAC.pdf
