นับหนึ่ง! 7 วันอันตราย กางสถิติ 5 ปีหลัง ยอด “ตาย-เจ็บ” ยังสูง
7 วันอันตราย กลายเป็นวลีคุ้นหูช่วงเทศกาลสำคัญ จากนโยบายของรัฐในการตั้งเป้า เฝ้าระวัง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ โครงการดังกล่าวรับผิดชอบโดยศูนย์อำนวยการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) สังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
โดยสงกรานต์ปีนี้ ศปถ.เริ่มต้นนับหนึ่ง 7 วันอันตรายในวันนี้ (11 เม.ย.2556) ไปจนถึงวันที่ 17 เม.ย.2556
หากย้อนสถิติ 5 ปีหลังสุด จาก ศปถ. นโยบายในการป้องกันอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีการตั้งเป้าแบบสุดโต่ง คือให้มีตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็น "ศูนย์”
ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีปีใดมีตัวเลขผู้เสียชีวิตเท่ากับศูนย์ มีลดบ้าง เพิ่มบ้าง สลับกันไป
ยิ่งเมื่อดูสถิติการเกิดอุบัติเหตุ และยอดผู้บาดเจ็บ แม้จะลดลงเรื่อยๆ แต่ก็ลดลงในสัดส่วนที่น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น
ปี 2551 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 4,243 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 4,803 คน และผู้เสียชีวิต 362คน
ปี 2552 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 3,977 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 4,332 คน และผู้เสียชีวิต 348 คน
ปี 2553 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 3,516 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,802 คน และผู้เสียชีวิต 361 คน
ปี 2554 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 3,215 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,476 คน และผู้เสียชีวิต 271 คน
ปี 2555 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 3,129 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,320 คน และผู้เสียชีวิต 320 คน
โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ อันดับ 1 คือ เมาสุรา และ อันดับ 2 คือ ไม่สวมหมวกกันน็อก
เมื่อย้อนดูมาตรการป้องกันอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า นโยบายเกือบทุกปีคล้ายคลึงกัน และไม่ได้มีมาตรการอะไรที่เข้มงวด และแตกต่างไปจากเดิม สาระสำคัญหลักๆของมาตรการได้แก่
1.ให้ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางเพื่อให้ประชาชนถึงบ้านอย่างปลอดภัย
2.ตรวจสอบแอลกอฮอล์และสารเสพติดผู้ขับรถยนต์สาธารณะ ตามจุดตรวจของกรมการขนส่งทางบก
3.เข้มงวดออกสำรวจจุดเสี่ยง (พื้นที่เล่นน้ำ) พฤติกรรมเสี่ยง (การขับขี่หรือการสาดน้ำในลักษณะที่เป็นอันตราย)
4.ขอความร่วมมือผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
5.บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเรื่องการเมาสุรา การไม่สวมหมวกนิรภัยและการใช้ความเร็ว
อย่างไรก็ตาม จากสถิติข้างต้น อาจแสดงให้เห็นแล้วว่า นโยบายที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้ช่วยลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงจำนวนคนเจ็บ-คนตายอย่างมีนัยสำคัญ
คำถามก็คือรัฐควรต้องมีนโยบายที่แตกต่างไปจากเดิม เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่มีท่าทีจะลดลงอย่างชัดเจนหรือไม่!!