ฟันธง “ศาลหลักเมืองขอนแก่น” ไม่ใช่ “ศาลเจ้า” กรมการปกครอง แห้วเก็บรายได้
“กฤษฎีกา” ฟันธง “ศาลหลักเมืองขอนแก่น” ไม่ใช่ “ศาลเจ้า” – กรมการปกครอง เรียกเก็บเงินไม่ได้ ย้ำจดทะเบียนโดยมิชอบ ให้พิจารณาวัตถุประสงค์การก่อสร้าง –รูปเคารพ ชี้ช่องปัดฝุ่นระเบียบเงินนำศาลจ้าวใหม่ ไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญ

ศึกแย่งชิงรายได้ ศาลหลักเมืองขอนแก่น ระหว่างกรมการปกครอง กับ เทศบาลนครขอนแก่น ที่ยืดเยื้อมานานนับสิบปี ทำท่าว่าจะได้ข้อยุติลงแล้ว เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกา วินิจฉัยชี้ขาดว่า ศาลหลักเมืองขอนแก่น ไม่ได้มีสถานะเป็นศาลเจ้า ไม่ต้องนำส่งเงินรายได้ให้กรมการปกครอง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยข้อหารือทางกฎหมาย กรณีศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หลักเมืองขอนแก่น ตามที่กรมการปกครอง ได้สอบถามความเห็นทางกฎหมาย ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. สถานะ ความเป็นศาลเจ้าตามกฎเสนาบดี ว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลจ้าว ของศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หลักเมืองขอนแก่น 2. ที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หลักเมืองขอนแก่น เป็นสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และ 3. การไม่สามารถยกเลิกหรือเพิกถอน การจดทะเบียน ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หลักเมืองขอนแก่นได้
เบื้องต้น คณะกรรมการกฤษฎีกา วินิจฉัยข้อกฎหมาย เห็นว่า ศาลหลักเมืองขอนแก่นไม่ถือเป็นศาลจ้าวตามกฎเสนาบดี การจดทะเบียนเป็นศาลจ้าว เป็นการจดทะเบียนโดยมิชอบ กรมการปกครองมีหน้าที่ดำเนินการเพิกถอนศาลหลักเมืองขอนแก่นออกจากทะเบียนศาลจ้าวต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า คำว่า “ศาลจ้าว” ตามข้อ 2 ก. แห่งกฎเสนาบดี ว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลจ้าว หมายความว่า สถานที่ก่อสร้างขึ้นเป็นทรวดทรงสำหรับประดิษฐานรูปเคารพ และกระทำพิธีกรรมตามลัทธิของคนบางจำพวก เช่น ชนจีน และให้หมายความรวมตลอดถึงสถานที่ถาวรซึ่งสร้างขึ้นประกอบกับศาลจ้าว เช่น โรงสำหรับกินแจ เป็นต้น
เมื่อพิจารณาความหมายดังกล่าวแล้วจะเห็นได้ว่า การเป็นศาลจ้าวตามกฎเสนาบดีฯ จะต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อใช้สำหรับประดิษฐานสิ่งที่เป็นรูปเคารพ และเพื่อกระทำพิธีกรรมตามลัทธิของคนบางจำพวก เช่น ชนจีน
ดังนั้น สิ่งก่อสร้างที่จะเป็นศาลจ้าวตามบทนิยามดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยเจตนาที่จะใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพและเพื่อใช้ในการกระทำพิธีกรรม โดยพิธีกรรมนั้นจะต้องเป็นพิธีกรรมตามลัทธิของคนบางจำพวก สำหรับตัวอย่างในกฎเสนาบดีที่กล่าวถึงชนจีนนั้นแม้จะเป็นเพียงตัวอย่าง แต่ก็มุ่งหมายถึงลักษณะของคำว่า “คนบางจำพวก” จึงต้องหมายความว่าชนบางจำพวกนั้นต้องอยู่ในลักษณะทำนองเดียวกันกับตัวอย่างที่ยกขึ้นไว้
สำหรับ “หลักเมือง” นั้น พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้กำหนดความหมายไว้ว่า หมายถึง “เสาที่ยกตั้งขึ้นเพื่อแสดงว่าจะสร้างเมืองที่ตรงนั้นอย่างแน่นอน” ประกอบกับประเพณีการฝังเสาหลักเมืองนั้นเป็นนิมิตหมายว่าพระมหากษัตริย์และอาณาประชาราษฎร์จะต้องร่วมกันสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นอยู่อาศัย ณ ที่อันเป็นมงคล ไม่มีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงอย่างใดอีก เพื่อให้บังเกิดความร่มเย็นและความเจริญรุ่งเรืองต่อไป อันเป็นประเพณีและวัฒนธรรมของชนชาวไทยมาแต่โบราณ การสร้างอาคารเพื่อครอบหรือสำหรับเป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองขึ้น ก็เพื่อให้เห็นเด่นชัดและเป็นสง่าแก่เมืองนั้น ๆ การจัดให้มีหลักเมืองหรือศาลหลักเมืองมิได้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้เป็นรูปเคารพหรือเพื่อประกอบพิธีกรรมตามลัทธิใด ๆ หรือเพื่อชนบางจำพวกดังเช่นการสร้างศาลจ้าวทั่วไป
ส่วนการที่ประชาชนทั่วไปเกิดความเคารพหรือศรัทธาไปทำพิธีใด ๆ ตามความเชื่อถือของตน ก็เป็นเสรีภาพของประชาชนที่ย่อมกระทำได้ตามที่บัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ การที่ประชาชนทั่วไปไปเคารพสักการะดังกล่าวมิได้ทำให้หลักเมืองมีสภาพเป็นรูปเคารพดังเช่นศาลจ้าวตามกฎเสนาบดีฯ แต่อย่างใด
ดังนั้น ศาลหลักเมืองขอนแก่นจึงไม่ถือเป็นศาลจ้าวตามกฎเสนาบดีฯ ด้วยเหตุนี้ การจดทะเบียนเป็นศาลจ้าวตามกฎเสนาบดีฯ จึงเป็นการจดทะเบียนโดยมิชอบ กรมการปกครองย่อมมีหน้าที่ดำเนินการเพิกถอนศาลหลักเมืองขอนแก่นออกจากทะเบียนศาลจ้าวต่อไป และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าศาลหลักเมืองขอนแก่นมิใช่เป็นศาลจ้าวตามกฎเสนาบดีฯ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา มีข้อสังเกตว่า กฎเสนาบดี ว่า ด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลจ้าว กำหนดให้สถานที่ที่มีลักษณะเป็นศาลจ้าวตามความหมายของคำว่า “ศาลจ้าว” จะต้องขึ้นทะเบียนและมีการแต่งตั้งผู้จัดการปกครองศาลจ้าวและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าว เพื่อจัดการและตรวจตรากิจการอันเกี่ยวด้วยศาลจ้าว ทั้งยังกำหนดโทษทางอาญาสำหรับการกระทำบางประการไว้ด้วย
นอกจากนี้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเงินของศาลเจ้า พ.ศ. 2520 ได้กำหนดให้ต้องจัดส่งเงินของศาลเจ้าให้กรมการปกครอง ซึ่งเป็นการสมควรที่กระทรวงมหาดไทยจะได้ตรวจสอบว่ากฎเสนาบดีดังกล่าวเป็นการขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามควรแก่กรณีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการตีความเรื่องสถานะความเป็นศาลเจ้าของ ศาลหลักเมืองขอนแก่น เป็นปมปัญหาความขัดแย้งระหว่างกรมการปกครอง กับ เทศบาลนครขอนแก่น ที่เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว โดยกรมการปกครอง เห็นว่า ศาลหลักเมืองเป็นศาลจ้าว มีหน้าที่ต้องส่งเงินรายได้ให้กรมการปกครอง ขณะที่เทศบาลนครขอนแก่น เห็นว่าศาลหลักเมืองขอนแก่นไม่ได้เป็นศาลเจ้า ไม่ต้องส่งเงินให้กรมการปกครอง และต้องการที่จะบริหารจัดการเงินส่วนนี้เอง
-----------------
(อ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็มที่นี่ http://app-thca.krisdika.go.th/Naturesig/CheckSig?whichLaw=cmd&year=2555&lawPath=c2_1524_2555)
