“พระบาทน้ำพุ” ไม่ปิดตัวใน 3 เดือน - “เจ้าอาวาส” กัดฟันสู้ เดินสาย บิณฑบาตทุกวัน
ยัน "วัดพระบาทน้ำพุ" ไม่ปิดตัวใน 3 เดือน แม้ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก หลังค่าใช้จ่ายดูแลรักษาผู้ป่วยพุ่งสูง ยอดบริจาคไม่พอค่าใช้จ่าย – “เจ้าอาวาส” กัดฟันสู้ เดินสาย บิณฑบาต ทุกวัน ออกตีสาม กลับ 5 ทุ่ม
จากกรณีที่มีผู้หวังดี นำข้อความเกี่ยวกับการปัญหารายจ่ายของวัดพระบาทน้ำพุ หรือวัดพระพุทธบาทประทานพร ซึ่งคนในสังคมไทยรู้จักกันดีว่า เป็นสถานรักษาพักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ ไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ โดยระบุว่า วัดพระบาทน้ำพุ กำลังประสบปัญหาค่าใช้จ่ายภายในวัดอย่างหนัก และอาจจะต้องปิดตัวลงภายใน 3 เดือน จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธารวมบริจาคเงินช่วยเหลือนั้น
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
เบื้องต้นได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่สำนักงานโครงการเมตตาธรรมค้ำจุนโลก วัดพระบาทน้ำพุ ของ พระอุดมประชาทร ( อลงกต ติกฺขปญฺโญ ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี ว่า กระแสข่าวที่ว่าวัดพระบาทน้ำพุ อาจจะต้องปิดตัวลงใน 3 เดือน เพราะประสบปัญหาความใช้จ่ายไม่เป็นความจริง
“ ทางวัดได้ชี้แจงข้อมูลเรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊คของวัดพระบาทน้ำพุ ไปตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 เมษายน 2556 ที่ผ่านมาแล้วว่า ข้อมูลที่ระบุว่าวัดอาจจะต้องปิดตัวลงใน 3 เดือนข้างหน้าไม่เป็นความจริง และได้พยายามประสานงานให้ผู้ที่นำข้อความเหล่านี้ ไปแชร์ต่อให้ช่วยลบทิ้งด้วยแล้ว”
เมื่อถามว่า ทางวัดได้ตรวจสอบที่มาของข้อความดังกล่าวแล้วหรือยัง เจ้าหน้าที่วัดพระบาทน้ำพุ กล่าวว่า ทางวัดได้ทำการตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่า ข้อความดังกล่าว น่าจะมาจากผู้ที่หวังดี ที่เข้ามาทำบุญในวัด และได้รับแจ้งข้อมูลจากคนภายในวัดว่า วัดกำลังประสบปัญหาเรื่องรายได้ จึงหวังดี ต้องการหาทางช่วยเหลือโดยการไปเขียนข้อความดังกล่าวและนำไปโพสต์ไว้ในโลกออนไลน์ เพื่อให้คนมาบริจาคกันมากๆ
“แต่การที่ไปเขียนข้อความว่า วัดอาจจะต้องปิดตัวลงใน 3 เดือน หรือ 1 ปี นั้นขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และอาจทำให้ทางวัดเสียหาย เพราะแม้ว่าขณะนี้ทางวัดจะประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ พระอุดมประชาทร ก็กำลังหาทางแก้ไขปัญหาอยู่ ไม่มีวันที่จะทิ้งผู้ป่วยที่มารักษาตัวอยู่ที่วัดอย่างแน่นอน เพราะถ้าวัดแห่งนี้ปิดไปจริงๆ ถามว่า ผู้ป่วยเหล่านี้จะไปอยู่ไหน”
เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายภายในวัด ยอมรับว่า มีปัญหาเกิดขึ้นจริง เพราะทุกเดือนวัดมีค่าใช้จ่ายประมาณหลักล้านบาท แต่มียอดเงินบริจาคเฉลี่ย ประมาณ 4-5 แสนต่อเดือนเท่านั้น
“ยอดเงินที่ได้รับบริจาคมาแต่ละเดือนไม่เท่ากัน ถ้าในช่วงเทศกาล ก็จะมีคนมาบริจาคมาก แต่ถ้าช่วงปกติคนก็จะมาบริจาคน้อย ทำให้เฉลี่ยยอดเงินบริจาคที่ได้รับอยู่ที่เดือนละ 4-5 แสนบาท ในขณะที่ทางวัดมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าดูแลรักษาพยาบาล ผู้ป่วย ที่มีอยู่จำนวน 100-200 คน เด็กกำพร้าและเด็กติดเชื้อรวมประมาณ 2,000 กว่าคน นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนภายนอกที่หลวงพ่อให้การดูแลอยู่อีก ประมาณ 12 แห่ง ไหนจะค่าน้ำค่าไฟอีก รวมค่าใช้จ่ายแล้วก็ประมาณหลักล้านบาท”
เจ้าหน้าที่กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทางวัดยังเปิดรับเงินบริจาคอยู่ตลอด เพราะเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่จะช่วยให้วัดอยู่รอดต่อไปได้
ส่วนพระอุดมประชาทร ทุกวันนี้ จากเดิมที่เคยได้พักผ่อน 2 วันต่อสัปดาห์ ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นออกเดินสายรับบิณฑบาต ทุกวัน โดยเดินทางออกจากวัดตั้งแต่ตี 3 กลับถึงวัดก็ช่วง 5 ทุ่ม มีเวลาพักผ่อนเพียงแต่วันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“ ค่าใช้จ่ายของวัด มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยอดผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น มีทั้งเดินทางมาขอรับการรักษาเอง บางราย ก็ถูกญาตินำตัวมาปล่อยทิ้งไว้หน้าวัด เฉลี่ยวันละ 1-2 คน เพราะกลัวว่า เราจะไม่รับรักษาเขา ซึ่งในความเป็นจริงเราปฏิเสธใครไม่ได้เลย เพราะวัดนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่แล้ว และไม่มีทางที่เราจะปิดวัดอย่างแน่นอน ลำบากแค่ไหนก็ต้องสู้กันต่อไป ” เจ้าหน้าที่วัดพระบาทน้ำพุ ระบุ
ข้อมูลจาก เว็บไซต์ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ระบุว่า วัดพระบาทน้ำพุ หรือวัดพระพุทธบาทประทานพร เป็นวัดไทยตั้งอยู่เชิงเขาน้ำพุ หมู่ที่ 3 ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีพระอาทรประชานาถ (พระอลงกต ติกฺขปญฺโญ) เป็นเจ้าอาวาส วัดแห่งนี้รู้จักกันดีว่ามีรอยพระพุทธบาท เป็นสถานรักษาพักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ และเป็นที่ตั้งของมูลนิธิธรรมรัก
วัดแห่งนี้เริ่มต้นรับรักษาและฟักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2535 และดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ริเริ่มโครงการคือเจ้าอาวาส พระอาทรประชานาถ การดำเนินการเกี่ยวกับโรคเอดส์มีสองส่วน ส่วนแรกคือรับดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วไปจากทั่วประเทศ ส่วนที่สองคือการรับอุปการะเด็กกำพร้าที่ได้รับผลกระทบโรคเอดส์จากบิดามารดา ทั้งสองส่วนอยู่ในการดูแลของวัดประมาณ 2,000 คน แบ่งเป็นเด็กประมาณ 1,300 คน ในแต่ละเดือนวัดจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าอาหาร ยารักษาโรค ค่าบริหารจัดการภายในวัด และค่าเผาศพ ปัจจุบันได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเดือนละ 100,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ส่วนยาต้านไวรัสเอดส์และอาสาสมัครได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ
เกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของวัด เนื่องจากเงินทุนโดยเฉพาะที่ใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลนั้นไม่เพียงพอ ได้เกิดขึ้นสองครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตทางการเงินในประเทศไทย พ.ศ. 2540 แต่หลังจากได้รับการบริจาคเพิ่มมากขึ้น ทางวัดขึ้นสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้ อีกครั้งในปีพ.ศ. 2549 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย และวิกฤตราคาน้ำมันเป็นเหตุให้ยอดเงินบริจาคลดลง อีกทั้งค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเนื่องจากราคาที่น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วัดมีเงินไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่าย แต่ด้วยการประชาสัมพันธ์ข่าวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้ทางวัดได้รับการบริจาคจนสามารถพ้นวิกฤตทางการเงินไปได้อีกครั้งหนึ่ง