9 ซีซั่น ‘เดอะสตาร์’ คนดูได้อะไร?
อีกไม่กี่วันจะรู้แล้วว่าสองหนุ่มต่างบุคลิก ‘อ้น-ตั้ม’ ใครจะคว้าชัยในเวที ‘เดอะสตาร์ ซีซั่น 9’ ภายใต้กระแสสังคมในสื่อออนไลน์ที่แสดงความคิดเห็นหลากหลายต่อกรณีอดีตเดอะสตาร์ออกมาแฉกลลวงคะแนนโหวตในเวทีนี้ นำมาสู่คำถามมากมายที่ค้างคาใจคนดูทางบ้าน

ย้อนกลับไปเมื่อ 18 เม.ย. 56 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอรายงานพิเศษ ‘อดีตเดอะสตาร์แฉกลลวงคะแนนโหวต ตบหน้าคนไทยทั้งประเทศ???’ โดยอดีตนักฝัน เปิดเผยว่า กระแสข่าวล็อกโหวตหรือปรับคนออกเพื่อเรียกคะแนนโหวต ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีอยู่จริง แต่อาจมีการล็อกคะแนนจาก 100 เสียงในห้องส่ง พร้อมยืนยันการคัดเลือกผู้แข่งขันเหลือ 8 คนสุดท้าย ส่วนหนึ่งมาจากการทาบทามไว้แล้ว รวมถึงการประกวดซีซั่นแรก ๆ ก็เคยมีผู้เข้าแข่งขันที่มาจากการเซ็นสัญญากับค่ายแกรมมี่ เพียงแต่ดึงตัวมาประกวดเวทีนี้เพื่อปั้นให้โด่งดังอีกทอดหนึ่ง
เพียงไม่นานสื่อบันเทิงทุกแขนงต่างประโคมข่าว จนวันที่ 19 เม.ย. 56 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด ได้โทรศัพท์มายังผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า ‘บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ’ บอสใหญ่เอ็กแซ็กท์ ยินดีให้สัมภาษณ์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดในคืนวันที่ 20 เม.ย. 56 ก่อนการถ่ายทอดสดรายการ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว รอบ 3 คนสุดท้าย ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง น้องดี อ้น และตั้ม ที่สตูดิโอมูนสตาร์
วันเดียว ‘ม้า อรนภา กฤษฎี’ 1 ใน 3 กรรมการของรายการออกมายืนยันว่า ไม่มีการล็อกโหวตอย่างที่ถูกพาดพิง เพราะรายการนี้อยู่มานาน ถ้ามันไม่บริสุทธิ์หรือโปร่งใส เราคงอยู่ไม่ได้มาจนถึงขนาดนี้ อีกทั้งยังแสดงความเห็นว่า หากมีการเรียกร้องให้เปิดเผยผลคะแนนโหวตถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมถึงไม่มีการเปิดเผย เพราะข้อเท็จจริงกรรมการไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมงานมากนัก พร้อมทิ้งท้ายขู่ว่ารู้ตัวคนวงในเดอะสตาร์ให้ข้อมูลสื่อแล้ว
กระทั่งคืนวันที่ 20 เม.ย. 56 ตามเวลานัดหมาย ‘บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ’ ออกมาให้สัมภาษณ์ท่ามกลางสื่อบันเทิงหลายสำนัก โดยอธิบายว่า การทำรายการเดอะสตาร์ มันเป็นการวิจัยในตัวของมันเองว่าเราจะหาบุคคลที่ประชาชนชื่นชม ซึ่งบางปีผลอาจจะไม่ตรงใจคนดู แต่ไม่อาจเปิดเผยคะแนนดิบได้ เพราะจะมีผลเสียตามมา พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวกลับว่า “คุณลองไปถามองค์กรที่ทำ Research ทั่วโลกว่ามีการเปิดเผยคะแนนหรือไม่”
สำหรับข้อกังขาที่อดีตเดอะสตาร์พาดพิงว่า อาจมีการล็อกผลคะแนน 100 เสียงในห้องส่งนั้น บอสใหญ่เอ็กแซ็กท์ ตอบว่า เราต้องตรวจสอบทุกวัน เชื่อว่า 100 เปอร์เซ็นต์อาจจะหลุดบ้าง แต่เราพยายามไม่ให้เกิดขึ้น โดยให้ทีมงานสัมภาษณ์ แต่อย่าถามผมเลย คุณมาดูเองแล้วกัน ขณะที่สาเหตุต้องให้ 100 เสียงในห้องส่งเซ็นสัญญาก่อนโดยหากจับได้ว่าเป็นแฟนคลับ ญาติ หรือคนรู้จักจะปรับสูงสุด 1 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกรณีสั่งปรับเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีการทาบทามคนให้มาสมัครจริง เพื่อเป้าหมายการค้นหาสตาร์ที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของบอย ถกลเกียรติ เป็นไปด้วยสีหน้าที่ฉุนเฉียวตามสไตล์ แต่ภายหลังที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนอกรอบกลับโดนถามว่า “น้องมาจากไหน” เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า “อิศราครับ” บอสใหญ่ถึงกับอุทานออกมาแล้วโพล่งมาว่า “อ่อ ไอ้นี่ใช่ไหม” ก่อนจะนำมือฟาดบนไหล่ของผู้สื่อข่าวอย่างแรง หลังจากนั้นพนักงานก็เข้ามากันบอยไปยังสตูดิโอที่จัดรายการทันที แต่เมื่อผู้สื่อข่าวกำลังทยอยกลับ บอย ถกลเกียรติได้เดินย้อนกลับมาด้วยท่าทีที่เดือดพล่าน พร้อมชี้หน้าด่าว่า “ไอ้บ้า เป็นนักข่าวได้อย่างไรไม่มีจรรยาบรรณ คุณเคยอ่านหนังสือจรรยาบรรณนักข่าวไหม” ก่อนเดินจากไป
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้สื่อข่าวบันเทิงของไทยรัฐได้เข้าไปสังเกตการณ์ช่วงนับคะแนนของรายการทุกขั้นตอน แต่กลับถูกห้ามจากทีมงานว่า “ให้ออกไปเดี๋ยวนี้ และห้ามถ่ายรูป”
ทำให้เช้ารุ่งขึ้นแทบทุกสื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เมื่อคืนทันที ขณะที่นักวิชาการจากนิด้าโพลและเอแบค ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การส่งเอสเอ็มเอสไม่ใช่งานวิจัย แต่เป็นการตลาด เพราะเอสเอ็มเอสไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากคนคนเดียวหรือหลายคนที่อาจจ้างมาโหวต อีกทั้งการวิจัยก็ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดตามหลักสากลด้วย
นี่คือช่วงเหตุการณ์รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อกรณีฉาว ‘เดอะสตาร์’ ที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นประเด็นถกเถียงในสังคมมากที่สุดตั้งแต่จัดรายการมา...คำถาม คือ 9 ซีซั่น คนดูได้อะไรจากเวทีนี้?
เชื่อว่าหลายคนคงตอบว่า ‘ความบันเทิง’ ที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นด้วยแนวคิดที่หวังให้ผู้ชมทางบ้านเกิดแรงบันดาลใจจากรายการนี้ จนทำให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะคิดและทำในสิ่งที่ตนเองวาดฝัน ซึ่งคงไม่เฉพาะแค่อาชีพในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่รายการนี้กลับต่อยอดไปยังวงการวิชาชีพอื่น เช่น นักเขียน ดีไซเนอร์ นักธุรกิจ นักประชาสัมพันธ์ หรือผู้สื่อข่าว
คำพูดของ ‘ม้า อรนภา’ ที่มักพูดบนเวทีนี้ว่า “มันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต แต่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเท่านั้น” เป็นสิ่งตอกย้ำว่าชีวิตของคนเรามิได้วัดความสำเร็จกันตอนนี้ หากต้องก้าวเดินไปข้างหน้าและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ชมทางบ้านใจชื่น มีความสุข มีความหวัง และอุดมการณ์ที่จะคว้าความฝันของแต่ละคนให้ได้
จะว่าไปนี่คงเป็นข้อดีส่วนเดียวที่เกิดขึ้นกับเดอะสตาร์? หรือคิดว่ามีข้อดีมากกว่านี้?...
แล้วข้อเสียของการดู ‘เดอะสตาร์’ คืออะไร เป็นคำถามที่ชวนคิด...แต่เห็นได้ชัดว่า เมื่อจบการแข่งขันแต่ละสัปดาห์ หลายคนต้องสูญเสียเงินมากมาย เพื่อโหวตและสร้างอุปกรณ์เชียร์ให้ผู้เข้าแข่งขันที่ตนเองชื่นชอบ ยังไม่นับรวมค่าเดินทางไปเชียร์ ค่าอาหาร และอีกจิปาถะ แต่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเต็มใจ หากแต่ยั้งคิดสักนิด เคยคำนึงไหมว่า เงินนั้นไปตกอยู่ที่ใคร “ 6 บาท/โหวต อาจจะดูน้อยนิด ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่เมื่อหลายคนกระหน่ำโหวตเข้าไปเป็นล้านโหวต ใครล่ะ?...ที่รับทรัพย์หลายล้านบาท” และเคยสงสัยหรือฉุกคิดไหมว่า ทำไมเวทีนักล่าฝันเปิดเผยคะแนนโหวตได้ แต่เดอะสตาร์เปิดเผยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผู้ชมทางบ้านจะได้รับประโยชน์จาก ‘เดอะสตาร์’ มากน้อยเพียงใด คงไม่สำคัญเท่า ‘การรู้เท่าทันสื่อ’ ที่สังคมไทยกำลังตกเป็นเครื่องมือให้ธุรกิจบันเทิงประเภทเหล่านี้ จนหลายคนลืมตาเเทบไม่ขึ้น.
