ปอกเปลือก รายการ “ผี” กับ “IScream” เกรียน “ล่าท้าผี” ตัวจริง??
"..มันเป็นเรื่องของความเชื่อมากกว่า ใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ เราไม่ได้ทำเพื่อบอกว่าผีไม่มีจริง แต่เราก็แค่ไปพิสูจน์ให้ดู ถ้ามีก็บอกว่ามี ถ้าไม่มีก็บอกว่าไม่มี.."

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่มีต่อรายการ “ผี” ชื่อดังรายการหนึ่งของเมืองไทย
หลังถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการตัดต่อคลิปวีดีโอ “วิญญาณเด็กหลอนที่ตามมาจากการทำแท้ง” เพิ่มเติมจนให้มีเนื้อหาน่ากลัวเกินความเป็นจริง?
ความเชื่อที่ว่า แท้จริงแล้วโลกใบนี้ มีผีจริงหรือไม่ กับมาเป็นประเด็นชวนให้ถกเถียงกันอีกครั้ง สำหรับสังคมไทย
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranew.org ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Producer รายการ “IScream” รายการล่าท้าผีแนวใหม่ ที่กำลังโด่งดังบนโลกสังคมออนไลน์ ซึ่งมีเนื้อหา
ถนัดไปทางการแกล้งผู้เข้าร่วมรายการ และเน้นตลกขบขัน มากกว่าที่ต้องมาลุ้นว่าจะเจอผีหรือไม่ เพื่อค้นหาความจริงว่าโลกใบนี้มีผีจริงหรือไม่
“มันเป็นเรื่องความเชื่อ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ เราไม่ได้ไปทำเพื่อบอกว่าผีไม่มีจริง แต่เราก็แค่ไปพิสูจน์ให้ดู ถ้ามีก็บอกว่ามี ถ้าไม่มีก็บอกว่าไม่มี”
ทำไม Producer รายการ “IScream” ถึงกล่าวเช่นนั้น ทุกอย่างมีคำเฉลย หลังจากบรรทัดนี้
@จุดเริ่มต้นที่ทำรายการ “IScream” นี้คืออะไร
- เกิดจาก น้ำหวาน วงซาซ่า (หนึ่งในพิธีกรรายการ) เข้ามาคุยกับ www.ihere.tv ว่าอยากทำรายการ ผมก็ถามว่าชอบรายการแบบไหน เขาบอกว่าชอบแฟชั่นและเรื่องผี ซึ่งผมเป็น Creative ก็เลยลองทำเรื่องเกี่ยวกับผีดู
แต่มีโจทย์คือต้องทำให้อยู่ในรูปแบบของ www.ihere.tv หลังจากนั้นจึงมาดูว่ารายการผีที่เคยออกอากาศมาก่อน เขามักเน้นไปทางน่ากลัวเป็นหลัก ผมก็เลยพลิกไปอีกขั้วหนึ่งเลย คือเน้นตลกขบขัน หยอกล้อกันซะมากกว่า เลยกำเนิดออกมาเป็นรายการ “IScream”
@ใช้วิธีใดในการเลือกสถานที่เพื่อท้าพิสูจน์
- ผมรู้จักกับรุ่นน้องคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำรายการเกี่ยวกับผีมาก่อน ก็เลยให้ไปหาข้อมูลเบื้องต้นมา รวมถึงมีการลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านในแถบนั้น และเอาข้อมูลทั้งสองด้านมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถอ้างอิงข้อมูลได้ คือเราไม่ได้แบบว่าไปสถานที่ร้างสักแห่ง แล้วมั่วประวัติเอา ถ้าทำอย่างนั้นก็ทำได้ แต่ผมไม่ทราบว่ามีใครทำแบบนั้นบ้างเหมือนกัน
@การที่ไปพิสูจน์ผีต่อจากรายการอื่นที่พิสูจน์ไปแล้ว ถือว่าเป็นการหักล้างความเชื่อกันไหม
- มันเป็นเรื่องของความเชื่อมากกว่า ใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ เราไม่ได้ทำเพื่อบอกว่าผีไม่มีจริง แต่เราก็แค่ไปพิสูจน์ให้ดู ถ้ามีก็บอกว่ามี ถ้าไม่มีก็บอกว่าไม่มี แต่ต้องบอกก่อนว่า รายการผีรายการอื่น เขามีจุดมุ่งหมายให้คนกลัว แต่ของเราไม่คาดหวังว่าจะต้องเจอผี เพราะอย่างไรเสียคนดูก็ได้ความตลก ลองคิดดูว่าถ้าคนตลกที่กำลังเล่นตลกอยู่เจอผีขึ้นมาจริง ๆ มันจะน่ากลัวขนาดไหน
@เคยเตรียมฉากให้ดูน่ากลัวหรือไม่
- ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นการเล่นตลกยอมรับว่ามีการเตรียมไว้บ้าง เช่น ฉากที่ พี่เอ ศุภชราศัย (หนึ่งในพิธีกร) เข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์แล้วเจอผีกระเด้งตัวขึ้นมา นั่นถือเป็นการเตรียมไว้เพราะเราใช้คนจริง ๆ ไปแกล้ง แต่ถ้าหมายถึงอุปกรณ์ประกอบฉากอื่น ๆ นั่นคือของจริงทั้งหมด ไม่มีการนำศาล หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ไปตกแต่งให้ดูน่ากลัว
@หากมีการตรวจสอบข้อมูลไม่ครบ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วนำมาเผยแพร่ ถือว่าผิดหลักจรรยาบรรณสื่อหรือไม่
- คือต้องดูที่เจตนาก่อนว่า เขาเจตนาหรือเปล่า ซึ่งส่วนนี้เป็นหน้าที่ของ Creative รายการที่ต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน เนื่องจากสมัยนี้เทียบกับสมัยก่อนไม่ได้เลย เช่น สมัยก่อนถ้าเรานำเสนออะไรไป แม้จะผิดพลาดมันก็ลอยไปตามลม แต่สมัยนี้มีสื่อออนไลน์เยอะ รายการต่าง ๆ สามารถเอามารีรันกันได้ และนี่แหละที่จะทำให้มีผู้นำข้อมูลอีกด้านมาถกเถียง อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดเป็นการเจตนาที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเลย ถือว่าผิดเต็มประตูอยู่แล้ว
@คิดว่าผีมีจริงหรือไม่
- ตั้งแต่ทำรายการมาก็ไม่เคยเจอผีแม้แต่ครั้งเดียว แต่ส่วนตัวคิดว่ามี ผีมีทุกศาสนา และเท่าที่คุยกับเพื่อนหลายศาสนาต่างก็มีเรื่องเล่าแตกต่างกันไป แต่ศาสนาไม่เคยสอนให้เรากลัวผี เพราะผีคือความชั่วร้าย เห็นได้จากสิ่งร้าย ๆ มักปรากฏในรูปผี เช่น คนถูกฆ่าข่มขืน แล้วกลายเป็นผีอาฆาต เป็นต้น ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะถ้าเกิดเราทำใจให้ชนะมันได้ เราก็ชนะความกลัวได้
@ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักใช้ทัศนคติผิด ๆ เกี่ยวกับการทำบุญ เช่น การกดไลค์ผ่านเฟซบุ๊คก็ได้บุญ มองมุมนี้อย่างไร
- ถ้ามองในมุมคนทำเพจ ถือเป็นการเรียกไลค์ เนื่องจากเพจไหนมีคนไลค์เยอะ และมี Talk about เยอะ แสดงว่าเป็นเพจดัง และจะมีโฆษณาต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามา ซึ่งจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตาม ถ้ามองตามมุมสังคมโดยรวม คงเป็นเรื่องของความเชื่อ ความรู้สึกคนอีกนั่นแหละ อาจเป็นความสบายใจของเขา หรือถ้าในอีกแง่หนึ่งคือเขาอาจหมดศรัทธากับสิ่งรอบตัว เลยหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจก็ได้ ซึ่งของอย่างนี้มันอยู่ที่ความเชื่อ
@ทำรายการที่ต้องเกี่ยวข้องกับความเชื่อของสังคม ถือว่ายากหรือไม่
- ก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความเห็นกันเยอะ แต่ผมมองว่าผีมันไม่ใช่เรื่องที่จะมานับถือหรือเคารพกราบไหว้นะ แต่อย่างว่า ถ้าพูดไปก็หาว่าลบหลู่ คือสังคมยังไม่ยอมรับเท่าไหร่นัก ผมว่าคนเราควรจะมองเรื่องจริงมากกว่า มองเรื่องที่จับต้องได้ พิสูจน์ได้ และนับถือสิ่งดี ๆ ที่เรามองเห็นจะดีกว่า
@ทำอย่างไรถึงจะทำให้ความเชื่อของแต่ละฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ
- คงยาก เพราะสังคมจำเป็นต้องมีการถกเถียงเสมอ และต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลและความเชื่อเป็นของตัวเอง จุดสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่บานปลาย และทำอย่างไรไม่ให้ความเชื่อของทั้งสองฝ่ายสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม
@การนำเสนอมุมมองด้านผีฉบับ "IScream" มีส่วนช่วยให้สังคมปรับทัศนคติเกี่ยวกับผีมาก - น้อยแค่ไหน
- ก็มีบางส่วน เช่น หลายคอมเมนต์ในยูทูป หรือแม้แต่ใน เฟซบุ๊ก ที่บอกว่า ดูรายการพี่แล้วทำให้กล้าเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้หลายคนมีความกล้า
นั่นคือเป้าหมายหลักของรายการเรา!!
