“ปู” ปาฐกถามองโกเลีย ถึง กรณี “ชัย ราชวัตร” ความขัดแย้ง “ไฟลามทุ่ง” ของสังคมไทย

“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ณ ประเทศมองโกเลีย ย้อนเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการโค่นล้มประชาธิปไตยในประเทศไทยและองค์กรอิสระอย่างเผ็ดร้อน
ถึงวันนี้ ผลสะเทือนที่ตามมา ดูเหมือนจะกลายเป็น “ไฟลามทุ่ง”
เริ่มตั้งแต่หลังสิ้นเสียงปาฐกถา ก็มีเสียงทั้งจากฝ่ายหนุนและฝ่ายต้านออกมาตอบโต้กันอุตลุด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ นักกฎหมาย รวมไปถึงเซเล็บในแวดวงต่าง ๆ ออกลวดลายร่ายสเตตัส-ร่ายกลอนโต้กันเป็นแถว
โดยพรรคประชาธิปัตย์เตรียมส่งจดหมายประธานาธิบดีมองโกเลีย โต้ตอบปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และระบุรายละเอียดย้อนพฤติกรรมรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ลุแก่อำนาจ คุกคามคนเห็นต่าง เป็นเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหาร
นอกจากนี้ยังมี ส.ว. 58 คน ในนามกลุ่ม "ส.ว.ผู้รักชาติ" นำโดย ม.ร.ว.วุฒิเลิศ เทวกุล นายสมชาย แสวงการ และนางกีรณา สุมาวงศ์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวขอโทษคนไทยจากกรณีกล่าวปาฐกถาพิเศษดังกล่าว และเล็งเชิญนายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงเจตนาในการกล่าวปาฐกถาต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ชี้แจงถึงการกล่าวปาฐกถาของตนว่า สิ่งที่พูด อยากให้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก
แต่ที่จุดชนวนความดุเดือดตามมาอีกระลอกหนึ่ง คือกรณีที่ “ชัย ราชวัตร” นักเขียนการ์ตูนการเมืองอาวุโส ประจำหน้า 5 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการกระทำที่ขายชาติ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
โดยมองว่า “ชัย ราชวัตร” เล่นแรง! ที่ไปเปรียบเทียบเช่นนั้น
การตอบโต้ระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ใช้ “เฟซบุ๊ก” เป็นสมรภูมิ โดยในช่วงค่ำของวันที่ 1 พ.ค. นักวิชาการชื่อดังด้านประวัติศาสตร์และด้านรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สามท่าน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กให้ความเห็น
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า ปรากฎการณ์การโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเมืองและเรื่องเพศ ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ “ชัย ราชวัตร” เป็นลางแพ้ของฝ่ายอำนาจเดิม บารมีเดิม
ขณะที่นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า การด่าทอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระยะหลัง สะท้อนภูมิปัญญาของฝ่ายอนุรักษ์นิยมไทยที่สิ้นท่าหมดปัญญา
ด้าน น.ส.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เป็นการสะท้อนความกลัวต่อการที่ผู้หญิงไม่สยบยอม ขณะเดียวกันเป็นการยกย่องในทางอ้อม เนื่องจาก หากไม่มีความกล้าและไม่เข้มแข็ง ผู้หญิงก็จะประกอบอาชีพเช่นว่าไม่ได้
และนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อสเตตัสของ "ชัย ราชวัตร" ว่า การโพสต์เนื้อหาดังกล่าวไม่มีความหมายอะไร เป็นเพียงการระบายอารมณ์ ซึ่งวิธีการเช่นนี้มีอยู่ในทุกฝ่ายรวมถึงคนเสื้อแดงด้วยที่เปรียบเทียบกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับเรื่องเพศหรือกำลังสังวาส ซึ่งส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้มองว่ามีความสำคัญอะไร ทั้งนี้ ใจความสำคัญของนายสมศักดิ์คือ ไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องเรื่องหมิ่นประมาทโดยเฉพาะถ้าคนถูกด่าเป็นคนในวงการอำนาจรัฐ และไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษมาคุ้มครอง
นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังมีการแชร์ข้อความนัดหมายไปประท้วง "ชัย ราชวัตร" ในวันที่ 2 พฤษภาคมด้วย และมีการประท้วงเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณกว่า 100 คน นำโดยนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปวางพวงหรีดที่หน้าสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำของชัย ราชวัตร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ นสพ.ไทยรัฐ ตรวจสอบการทำงานของการ์ตูนนิสต์ชื่อดังรายนี้
ต่อมาในวันรุ่งขึ้น 3 พ.ค. ที่จ.เชียงใหม่ คนเสื้อแดงกลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 กว่า 100 คน รวมตัว หน้าศูนย์ข่าวไทยรัฐ จ.เชียงใหม่ ยื่นข้อเรียกร้องเอาผิด "ชัย ราชวัตร" ก่อนเดินทางแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทต่อ
วันเดียวกัน ทางอีสาน กลุ่มเสื้อแดงชักธงรบอุบลราชธานี กว่า 50 คน ได้รวมตัวกันที่หน้าสำนักงาน เอเย่นต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ของจังหวัดอุบลราชธานี แสดงความไม่พอใจ มีการอ่านแถลงการณ์ปกป้องนายกรัฐมนตรีหญิง ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย และปกป้องศักดิ์ศรีผู้ที่มีบทบาทเป็นผู้นำประเทศ
ขณะเดียวกัน ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้กระทำในสิ่งที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุลไม่เห็นด้วย นั่นคือการส่งทนายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิตให้ดำเนินคดีกับ นายสมชัย กตัญญุตานันท์ อายุ 72 ปี หรือ “ชัย ราชวัตร” ในข้อหาดูหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
เรียกว่า “ผู้มีอำนาจ” ลงมาเปิดหน้าชกกับคนธรรมดาเสียเอง
เมื่อการ์ตูนนิสต์การเมืองเบอร์หนึ่งถูกรุกกระหน่ำ ทำให้เกิดกระแส “การให้กำลังใจ” ขึ้นมาที่หน้าเฟซบุ๊ก “Chai Rachawat” กันอย่างล้นหลาม จน “ชัย ราชวัตร” ต้องโพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจเหล่านั้นเป็น โดยยืนยันว่าจะไม่มีวันทำให้ผิดหวังในจุดยืน และทิ้งท้ายว่า
"วันไหนผมทรยศต่อทุกๆ น้ำใจที่มอบให้ในวันนี้ เจอหน้ากันที่ไหนไม่ต้องเรียก 'ชัย ราชวัตร' อีก ชี้หน้าเรียก 'ไอ้ชัย สันดานธาริต' ได้เลย”
สำหรับกรณีปัญหาที่ลุกลามนี้ กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้ลงข้อความชี้แจงว่า
"เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเจ็บปวดของสตรีทุกคนที่ถูกพาดพิงถึง และตลอดเวลาที่ผ่านมาท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง นสพ.ไทยรัฐพยายามทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง สะท้อนความเห็นจากทุกฝ่าย ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น แต่หากเป็นความเห็นที่คุกคามผู้อื่น ก็ต้องรับผิดชอบไปตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งกรณีของชัย ราชวัตร ก็ไม่มีข้อยกเว้น นสพ.ไทยรัฐขอยืนยันว่า หากเป็นความเห็นที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็พร้อมรับผิดชอบเต็มที่ แต่กรณีที่เป็นความเห็นส่วนตัวของบุคลากรของ นสพ.ไทยรัฐ ก็ต้องเคารพสิทธิส่วนตัวของบุคคลผู้นั้นด้วย แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ในฐานะที่อยู่ร่วมองค์กรเดียวกันก็จะต้องสื่อสารทำความเข้าใจร่วมกันต่อไป”
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้ถูกนักเขียนการ์ตูนพาดพิง เผยว่าไม่ติดใจอะไร เพียงกล่าวว่าในสังคมขณะนี้มันมีความแตกแยก และมีความขัดแย้งทางความคิดกันอย่างรุนแรง และต่างขั้วต่างสีอย่างชัดเจน ถ้ารักใครชอบใครก็จะเชียร์กันสุดลิ่ม ถ้าเกลียดใครก็จะประณามกันสุดขั้ว เป็นเรื่องธรรมดา
ทั้งนี้ในมุมมองของนักวิชาการนักสันติวิธีอย่าง “ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์” มองว่ากรณีนี้สะท้อนสภาวะความขัดแย้งที่ไม่พัฒนาของสังคมไทย ซึ่งน่าเป็นห่วง โดย ศ.ดร.ชัยวัฒน์ ได้กล่าวความตอนหนึ่งถึงการทำหน้าที่สื่อ ในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ไว้อย่างน่าสนใจว่า
“...ผมไม่อยากเห็นสื่อที่ไม่มีมารยาท คุณคมคายแบบมีมารยาทได้หรือไม่ ถ้าคุณทำได้จะทำให้พัฒนาสังคมไทยไปได้มาก แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ยังต้องมานั่งทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ มันเป็นคุณภาพทางอารมณ์ของสังคมไทย สมมติว่าเราจะด่าใครสักคน เราน่าจะคิดว่าจะด่าอย่างไรดีให้เขารู้สึกดีที่ถูกด่า ไม่ใช่ด่าให้เขาเจ็บ คนเรามันต้องมีด้านแบบนี้บ้าง”
จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า สังคมไทยขณะนี้ สองฝายคู่ขัดแย้งพร้อมที่จะปะทะกันได้ทุกเมื่อ ไม่อาจจบลงแค่กรณีชัย ราชวัตร รอเพียงแต่มีชนวนชิ้นใหม่ ความขัดแย้งตอบโต้ก็จะปะทุขึ้นอีก.
ที่มาภาพ http://bit.ly/15cA9Ki , http://bit.ly/125RFud
