ปากคำนายก อบต.ประจัน...อบต.ถูกเผาไม่ใช่เรื่องการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์!
เหตุป่วนเมืองปัตตานีกว่า 10 จุดใน 4 อำเภอเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค.2556 ส่วนหนึ่งคือเหตุเผาสำนักงานที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อาคารใกล้เคียง และอาคารเทศบาลตำบลพร้อมกันถึง 8 แห่ง กระจายในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.มายอ
เหตุการณ์ลอบวางเพลิงเผาสำนักงาน อบต.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายๆ แห่งพร้อมกันไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก แม้จะมีสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่องยาวนานมาเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม หลายฝ่ายจึงประเมินและวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของงบประมาณ บ้างก็ว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง เพราะในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีการเลือกตั้งนายก อบต.เกือบทั้ง จ.ปัตตานี
แต่ประเด็นที่จะตัดทิ้งไปไม่ได้เลยก็คือ การสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่คราวนี้ถูกมองโยงไปถึงกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ด้วย
"ทีมข่าวอิศรา" สัมภาษณ์พิเศษ นายดาโอ๊ะ สะดี นายก อบต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หนึ่งใน 5 อบต.ที่ถูกวางเพลิงเผาจนวอด เพื่อค้นหาเบื้องหลังของเหตุการณ์ในครั้งนี้ และมุมมองต่อปัญหาความขัดแย้งในดินแดนปลายด้ามขวาน
O ในฐานะที่เป็นนายก อบต. ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนและชาวบ้าน รู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น?
รู้สึกเสียใจ เสียใจมาก
O คิดว่าเหตุผลที่คนร้ายเลือกเผาสำนักงาน อบต.คืออะไร?
ผมเชื่อว่าเป็นเพราะ อบต.ถือเป็นหน่วยงานของรัฐ แม้จะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ก็เป็นองค์กรของรัฐ คนที่ทำเขาต้องการต่อต้านอำนาจรัฐ จึงเลือกเผา อบต.
O หากมองด้วยสายตาคนนอก หรือแม้แต่ภาครัฐเองมักจะบอกว่าเหตุการณ์ในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายก อบต.รู้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์นี้จะอธิบายอย่างไร?
สำหรับคนในพื้นที่ ผมได้พูดคุยด้วยตลอดว่าอย่าให้เกิดเหตุในหมู่บ้าน คุยกับผู้นำศาสนา คุยกับทุกคน ทุกกลุ่ม อย่างน้อยเดือนละครั้ง คุยเหมือนสภาสันติสุข ก็บอกทุกคนว่าอย่าให้เกิดเหตุในหมู่บ้าน ใครอยากได้อะไรก็บอกมากับผมได้
ในพื้นที่เงียบมานาน ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงมาเกิดที่นี่ได้ แต่ในมุมมองของเจ้าหน้าที่ คราวก่อนที่เกิดระเบิดแถวๆ ต.ประจัน หน่วยงานภาครัฐก็บอกว่าเป็นคนในพื้นที่ทำ แต่พอเอาเข้าจริงพบว่าเป็นคนนอกพื้นที่ทั้งหมด ผมคิดว่าถนนก็เป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะถนนในพื้นที่มีหลายสาย ถนนที่ผ่าน ต.ประจัน ทะลุออกได้หลายตำบล หลายอำเภอ
O เชื่อว่าคนที่ทำไม่ใช่คนในพื้นที่ประจัน?
ไม่ใช่แน่นอน เท่าที่ผมได้คุยกับชาวบ้าน เขามากัน 7 คน รถเครื่อง 3 คัน ใช้เส้นทางจากบ้านยามูเฉลิม เส้นทางนี้เข้ามาได้จากหลายทาง และทะลุไปได้อีกหลายทาง พอก่อเหตุเสร็จเขาก็หนีไปทางปูยุด (ต.ปูยุด อ.เมืองปัตตานี)
ระหว่างที่คนร้ายกำลังจุดไฟเผา มีชาวบ้านเห็นแสงเพลิง แต่คนที่ทำก็พูดเป็นภาษามลายู บอกชาวบ้านว่าอย่ายุ่ง ให้เข้าบ้านไปเสีย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของแนวร่วมก่อความไม่สงบแน่นอน
O จุดเกิดเหตุอยู่ริมถนนที่ทะลุออกได้หลายทาง แทบไม่มีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ แถมยังอยู่ใกล้ชุมชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสรุปได้หรือไม่ว่ามาตรการป้องกันเหตุร้ายทำไม่ได้จริงในทางปฏิบัติ?
ใช่...มันไม่มีทางป้องกันได้เลย อย่างที่ ต.ประจัน เราก็มี ชรบ. (ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) แต่ก็ป้องกันไม่ได้ ชรบ.ได้เงินอุดหนุนเท่าไหร่ แบ่งกันแล้วก็นิดเดียว ไม่คุ้มกับความเสี่ยงต่อชีวิตของเขา ก็ทำให้เขาอยู่เวรบ้างไม่อยู่บ้าง อย่างที่เทศบาลตำบลยะรังที่ถูกเผาคืนเดียวกัน เขามียามเฝ้าเทศบาล คนร้ายมาถึงก็เอาปืนขู่ บอกให้ไปเสีย อย่างนี้ใครจะกล้าเสี่ยง เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ดูแลได้ไม่หมด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่สงสัยใครในหมู่บ้านก็บอกมา เดี๋ยวจะพาตัวมาให้ เพราะเราต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่คนในหมู่บ้านแน่นอน
O วิเคราะห์อย่างไรที่มีการเผาอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมๆ กันถึง 8 แห่ง มีความเชื่อมโยงอะไรกันหรือไม่?
เป็นการสร้างสถานการณ์ของแนวร่วม เขาสะดวกที่ไหนก็ทำที่นั่น เรื่องการเมืองไม่ใช่ล้านเปอร์เซ็นต์ แม้ในพื้นที่ปัตตานีกำลังจะมีการเลือกตั้งนายก อบต.อีก 3-4 เดือนข้างหน้านี้ก็ตาม อย่างผมเป็นนายกฯมา 3 สมัย เรียกได้ว่าไม่มีคู่แข่ง ฉะนั้นไม่มีทางเป็นเรื่องการเมือง ถ้าเรื่องการเมืองไม่ทำกันขนาดนี้
ผมได้คุยกับนายก อบต.คนอื่นๆ ที่ อบต.โดนเผาพร้อมกันแล้ว ทุกคนเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นการสร้างสถานการณ์แน่นอน เขาสะดวกตรงไหนก็ทำตรงนั้น เขาวางแผนมาอย่างดี
O แสดงว่ามาตรการที่รัฐใช้ คือการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจลงมารักษาความปลอดภัย ไม่สามารถป้องกันเหตุรุนแรงได้เลย?
ใช่ ไม่มีทางป้องกันได้ ถ้าเขาจะก่อเหตุที่ไหนเขาก็ทำได้หมด มันเป็นปัญหาทางสภาพภูมิศาสตร์ด้วย ถนนก็ตัดเยอะมาก ทำแล้วหนีได้หลายทาง
O ถ้าอย่างนั้นการพูดคุยเจรจาสันติภาพที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องหรือไม่?
แนวทางการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องเจรจาให้ถูกคู่ ถูกตัว ถามว่าที่เจรจาอยู่ไปเจรจากับใครล่ะ ส่วนวิธีการส่งกำลังลงมาเป็นการส่งมาล่อเป้ามากกว่า ผมคิดว่าถ้าเจรจาผิดตัวสถานการณ์จะยิ่งหนัก รัฐต้องแก้ที่ความยุติธรรม
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้ยินคนในพื้นที่พูดว่าจะเอาแผ่นดินคืน เพิ่งมาได้ยินปีนี้ ที่ผ่านมาได้ยินแต่ชาวบ้านพูดเรื่องความไม่เป็นธรรม ฉะนั้นรัฐต้องแก้ให้ถูกจุด ให้ความยุติธรรมกับคนในพื้นที่ สถานการณ์จะดีขึ้นเอง ไม่ต้องไปคุยกับใครให้วุ่นวาย

สรุปเหตุป่วน 4 อำเภอปัตตานี
สำหรับเหตุป่วนเมืองปัตตานี เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.40 น.วันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค. โดยคนร้ายได้ลอบวางเพลิงสถานที่ราชการ เผายางรถยนต์ เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และโปรยตะปูเรือใบหลายจุดในพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
- ลอบวางเพลิงที่ทำการ อบต.ประจัน เสียหายทั้งหลัง
- ลอบวางเพลิงที่ทำการเทศบาลตำบลยะรัง หมู่ 4 ต.ยะรัง อ.ยะรัง เสียหายบริเวณชั้นล่างประมาณ 30% โดยเทศบาลแห่งนี้เคยถูกลอบวางเพลิงมาแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2552 คราวนั้นเสียหายหมดทั้งหลัง
- ลอบวางเพลิงที่ทำการ อบต.คลองใหม่ หมู่ 5 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง เสียหายหมดทั้งหลัง
- เผายางรถยนต์และโปรยตะปูเรือใบบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่ ต.ยะรัง อ.ยะรัง
- เผายางรถยนต์และโปรยตะปูเรือใบบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง
- วางวัตถุต้องสงสัยเป็นถังแก๊ส และโปรยตะปูเรือใบบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านละหาร หมู่ 2 ต.กอลำ อ.ยะรัง
- เวลา 20.50 น.ชุดลาดตระเวนเส้นทาง กองร้อยทหารพรานที่ 2211 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 พบคนร้ายกำลังพยายามลอบวางเพลิงเผาสำนักงาน อบต.กอลำ เจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงข่มขู่ ทำให้คนร้ายหลบหนีไป
อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
- ลอบวางเพลิงที่ทำการ อบต.ดาโต๊ะ หมู่ 1 ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก เสียหายทั้งหลัง โดย อบต.แห่งนี้เคยถูกลอบวางเพลิงมาแล้วเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2547 และวันที่ 26 ธ.ค.2551
- ลอบวางเพลิงศูนย์เทคโนโลยีการเกษตร อบต.คอลอตันหยง หมู่ 1 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก เสียหายเล็กน้อย
อ.มายอ จ.ปัตตานี
- ลอบวางเพลิงที่ทำการ อบต.สาคอบน หมู่ 1 ต.สาคอบน อ.มายอ เสียหายทั้งหลัง
- ลอบวางเพลิงสำนักงานบริหารราชการตำบลสาคอใต้ หมู่ 1 ต.สาคอบน อ.มายอ เสียหายเล็กน้อย
- ลอบวางเพลิงที่ทำการ อบต.ปะโด หมู่ 1 ต.ปะโด อ.มายอ เสียหายประมาณ 60%
อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
- เผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่หมู่ 4 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน เสียหายเล็กน้อย
- เผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่หมู่ 5 ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน เสียหายเล็กน้อย

ดักบึ้มทหารที่รือเสาะดับ 1 เจ็บ 4
เวลา 11.10 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวี่ลอบวางระเบิดทหารชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15124 (ชป.ร้อย.ร.15124) บริเวณคอสะพานบ้านบูเก๊ะนากอ หมู่ 2 ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะที่ทหารชุดดังกล่าวกำลังเดินทางโดยรถกระบะหุ้มเกราะกลับฐานปฏิบัติการ หลังเสร็จภารกิจด้านกิจการพลเรือนในพื้นที่บ้านกูยิ หมู่ 4 ต.ลาโละ แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.ปิยะพงษ์ อิ่มพราหมณ์ อายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนั้นยังมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย ประกอบด้วย
1) ร.ท.สุกฤษณ์ กาญจนคลอด อายุ 27 ปี ผู้บังคับกองร้อย
2) จ.ส.ต.สุริยาวุธ พุทชาคา อายุ 30 ปี
3) ส.ท.รัฐพล ศรัทธาคลัง อายุ 24 ปี
4) พลทหารกิตติกร หมันหลิน อายุ 22 ปี
ทั้งนี้ หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ในถังแก๊สและลากสายไฟไปจุดระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้นแล้ว ยังมีคนร้ายที่ซุ่มอยู่บริเวณข้างทางใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงโจมตีซ้ำด้วย แต่เจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้จนคนร้ายล่าถอยไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ระอุยิงโชเฟอร์รถขนข้าว-นักข่าวท้องถิ่น
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ค. เวลา 07.50 น. ร.ต.ท.รัชสิทธิ์ ลือลั่น ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่รถบรรทุกข้าวสาร เหตุเกิดบนถนนสายรือเสาะ-จะกว๊ะ หมู่ 3 ต.สาวอ อ.รือเสาะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกหกล้อยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-0789 ยะลา ซึ่งบรรทุกข้าวสารมาเต็มคัน จอดเสียหลักอยู่บนไหล่ทาง ที่ประตูฝั่งคนขับมีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนเอ็ม 16 จนเป็นรูพรุนกว่า 10 จุด มีกองเลือดกองใหญ่ ห่างออกไปประมาณ 20 เมตรพบศพ นายอับดุลเลาะ ปะแตบือแน อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ถนนรถไฟ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 จนพรุนไปทั้งร่าง นอนจมกองเลือดอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่จำนวน 9 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอับดุลเลาะขับรถบรรทุกข้าวสารจาก จ.ยะลา เพื่อนำไปส่งที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แต่ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มใส่ฝั่งคนขับ ทำให้นายอับดุลเลาะได้รับบาดเจ็บ รถเสียหลักไปชนต้นไม้ริมถนน แต่นายอับดุลเลาะยังตั้งสติได้ จึงกระโดดลงจากรถวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่คนร้ายได้วิ่งตามไป และใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงซ้ำจนเสียชีวิต แล้วจึงหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 08.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.จิรสิทธิ์ ลอแม รองผู้กำกับการ สภ.มายอ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสายบ้านคลองช้าง-บ้านปูกาสะแลแม หมู่ 3 บ้านเขาวัง ต.ตรัง อ.มายอ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสแมช สีชมพู หมายเลขทะเบียน กวฉ 320 ยะลา จอดอยู่บนเนินดิน ใกล้กันพบกองเลือด รองเท้าแตะ 1 คู่ และปลอกกระสุนปืนชนิด 9 มม.จำนวน 2 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ที่ถูกยิงทราบชื่อคือ นายวาเย๊ะ ดอเลาะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 4 ต.ปะโด อ.มายอ เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลมายอ
สอบสวนทราบว่า นายวาเย๊ะเป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ตำรวจ (โปลิศ) เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว และยังเป็นสายข่าวของทางราชการ มีประวัติเคยถูกลอบยิงมาแล้ว 1 ครั้งได้รับบาดเจ็บเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านที่ ต.ปะโด มุ่งหน้าตัวเมืองปัตตานี แต่ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบและใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงใส่จนรถเสียหลัก คนร้ายยังตามไปยิงซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิต ก่อนจะเร่งเครื่งอรถหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ

"สุกำพล"ล่องใต้จี้สื่อหยุดตีข่าวฆ่า6ศพปัตตานี
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ตามวงรอบ โดยไปขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน. 6)
ก่อนออกเดินทาง พล.อ.อ.สุกำพล ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงกรณีผู้ก่อความไม่สงบโปรยใบปลิวข่มขู่คุกคามคนไทยพุทธ หลังเกิดกรณีสังหารหมู่ชาวบ้าน 6 ศพที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตมีทั้งเด็กและคนพิการ ว่า การดูแลความปลอดภัยยังเหมือนเดิม แต่จะปรับเปลี่ยนไปตามความเข้มข้นของสถานการณ์ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ทราบดี
ส่วนใบปลิวที่ระบุว่ามาจากกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ถือเป็นการคาดการณ์ เพราะใบปลิวทำกันง่าย หากดูจากเนื้อหาอาจมองได้ว่าเป็นฝ่ายโน้น แต่บางครั้งก็อาจเป็นการหลอกหรือลวง ต้องดูกันไป
ต่อข้อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลทบทวนการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ก็ต้องขอขอบคุณ แต่รัฐบาลก็ทำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นประเด็นที่คิดอยู่เหมือนกัน และก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การทบทวนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร
ต่อมา พล.อ.อ.สุกำพล ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังให้โอวาทอาสาสมัครทหารพราน ที่ค่ายวังพญา อ.รามัน จ.ยะลา โดยตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีคนร้ายก่อเหตุสังหารชาวบ้านเสียชีวิตถึง 6 ศพที่ จ.ปัตตานี จนประชาชนในพื้นที่เสียขวัญ ว่า ต้องขอบอกผู้สื่อข่าวว่าเรื่องสะเทือนขวัญแบบนี้อย่าไปพูดมาก จบได้ให้จบ อย่าไปเสนอข่าวนาน ประชาชนไม่ได้เสียขวัญอย่างที่ถาม และไม่ควรจะถามแบบนี้ด้วย
"ธรรมดาที่มีการสูญเสีย ก็มีปัญหานิดหน่อย เราก็ต้องแก้ไข อย่าไปบอกว่าเสียขวัญ คนที่สูญเสียก็ต้องให้กำลังใจช่วยเหลือตามกติกาที่มีอยู่ แต่อยากให้ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นสิ่งที่เลวร้ายจากฝ่ายตรงข้าม เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลประชาชนทุกภาคส่วน แต่ก็อาจจะมีช่องโหว่บ้าง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว และว่า เรื่องใบปลิวก็อย่าไปให้ความสำคัญมาก นักข่าวอย่าไปขยายข่าวมาก เรื่องที่เราสูญเสียก็ให้จบแค่นี้ ภาคใต้ถ้าเป็นไปได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ คือถ้าไม่มีการเสนอข่าวก็จบไปแล้ว จบเร็ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำข่าวทำได้ แต่ทำให้พอดี
"อภิสิทธิ์"ตอก"ภราดร"แก้ตัวแทนบีอาร์เอ็น
ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่างกระบวนการพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนรัฐบาลกับกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า การปฏิบัติในพื้นที่ต้องสัมพันธ์กับการเจรจาสันติภาพ เพราะถ้าไม่สัมพันธ์กัน รัฐบาลจะอยู่ในฐานะที่ค่อนข้างอ่อนแอ
อย่างไรก็ดี ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ออกมายืนยันแทนบีอาร์เอ็นว่าการสังหารหมู่ 6 ศพที่ จ.ปัตตานี ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะสิ่งที่ปรากฏออกมามีความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เช่น อาวุธที่ใช้ก็เป็นประเภทเดียวกัน จึงไม่อยากให้สรุปโดยไม่ดูข้อเท็จจริง และไม่อยากให้รัฐบาลกังวลในแง่การเมืองหรือการตลาดมากกว่าการแก้ปัญหา
"รัฐบาลต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ถ้ารู้ว่าพลาดก็ออกมายอมรับและแก้ไข เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวพุทธเกิดความหวาดกลัว ย้ายออกนอกพื้นที่ ในขณะที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มบีอาร์เอ็นก็ยิ่งสร้างความหวั่นไหวให้คนในพื้นที่มากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องมีท่าทีที่หนักแน่น เพราะการแก้ปัญหาจะมุ่งแต่การพูดคุยอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากต้องดูด้วยว่าข้อตกลงจากการพูดคุยจะมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างไร"
แนะทบทวน-เลื่อนพูดคุยถ้ารุนแรงไม่ลด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อการพูดคุยไม่สามารถลดความรุนแรงได้ ควรมีการพักการพูดคุยเอาไว้ก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากวันนี้ถึงวันที่ 13 มิ.ย. ที่จะมีการพูดคุยรอบ 3 ควรจะมีการติดต่อสื่อสารเป็นการภายในให้ชัดว่า เราต้องการจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในเรื่องการลดความรุนแรง ไม่เช่นนั้นก็อาจต้องเลื่อนการพูดคุยออกไป แต่จะใช้วิธีใดต่อรองอย่างไรก็คงเป็นดุลพินิจของคนทำงาน
แต่กระนั้นก็ไม่ควรปล่อยให้เกิดสภาพว่าความรุนแรงในพื้นที่ยังทำได้ และยังมีการเรียกร้องนอกกรอบด้วย ในขณะที่รัฐบาลบอกจะคุยไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าทำเช่นนั้น ความสูญเสียในพื้นที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นว่ากลุ่มที่มาคุยไม่ได้หวังให้การพูดคุยเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา แต่หวังใช้เป็นเครื่องมือหรือทางผ่านไปสู่ข้อเรียกร้องที่สูงกว่า สู่เวทีที่กว้างกว่า ซึ่งจะทำให้รัฐบาลหาทางออกยากยิ่งขึ้น
"ต้องเข้าใจด้วยว่าความสำคัญของการพูดคุยไม่ใช่ว่าตกลงกับบีอาร์เอ็นได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะสามารถทำให้พื้นที่เกิดความสงบได้หรือเปล่า ดังนั้นหากบอกว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับบีอาร์เอ็น แต่กลุ่มที่ก่อเหตุสร้างความสูญเสียอย่างมาก และการพูดคุยก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ประโยชน์ก็ไม่ตกอยู่กับประชาชนในพื้นที่ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์และความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่านี้ พร้อมทั้งททวนกระบวนการที่ทำอยู่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครคิดนำเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำนองว่าเดินทางไปมาเลเซีย และได้พบกับอุสตาซจากชายแดนภาคใต้ จึงชวนให้มาเข้าร่วมกระบวนการพูดคุยสันติภาพนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเข้ามามีบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือตัวปัญหามาตั้งแต่ต้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปทำในลักษณะลองผิดลองถูก คิดแบบง่ายๆ ว่าถ้าการพูดคุยยังไม่ครบทุกกลุ่มก็ไปเอามาเพิ่ม แต่ผลที่เกิดในพื้นที่ระหว่างการลองผิดลองถูกกลับไม่คำนึงถึง จึงขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานด้านการพัฒนาที่มีโอกาสนั่งอยู่กับนายกรัฐมนตรี เป็ฯผู้กำหนดนโยบายเพื่อปรับกระบวนทั้งหมดมากกว่า
เครือข่ายสตรีบี้บีอาร์เอ็นแจงฆ่า 6 ศพ
วันเดียวกัน นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์กรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงประชาชนเสียชีวิต 6 ที่ จ.ปัตตานี โดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อประชาชนที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงครอบครัวของบุคคลดังกล่าว และขอประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมของผู้ใช้ความรุนแรงที่กระทำต่อประชาชนและเด็กผู้บริสุทธิ์
ขณะที่ นางโซรยา จามจุรี หัวหน้าโครงการผู้หญิงภาคประชาสังคม และผู้ประสานงานเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เรียกร้อให้แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นออกมาแสดงความชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของตนหรือไม่
"เพื่อรักษาความชอบธรรมของขบวนการและรักษาบรรยากาศการพูดคุยสันติภาพเอาไว้ แกนนำบีอาร์เอ็นควรจะต้องออกมาสื่อสารกับสาธารณชนอีกครั้งผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์คว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้" นางโซรยา กล่าว
นายกฯเรียกถกหน่วยมั่นคงหลังกรณ๊ฆ่า 6 ศพ
วันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ศพบริเวณร้านขายของชำใน อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเหยื่อทั้งหมดเป็นพลเรือน มีเด็กวัยแค่ 2 ขวบและคนพิการรวมอยู่ด้วย
ภายหลังการประชุม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย ได้ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงเหตุสังหารหมู่ 6 ศพเป็นผลสืบเนื่องจากการพูดคุยเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ว่า เบื้องต้นคงไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา เพราะผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นพวกหัวรุนแรงสุดโต่ง ส่วนอาวุธที่ใช้ก็พิสูจน์ทราบว่าได้ใช้มาตั้งแต่ปี 2550 ใช้ก่อเหตุมาแล้ว 19 คดี โดยมีทั้งเป้าหมายอ่อนแอและเข้มแข็ง ทั้งผู้นำศาสนาและประชาชนทั่วไป
เมื่อถามย้ำว่าได้ตรวจสอบชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่กลุ่มบีอาร์เอ็น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า กำลังสืบสภาพอยู่ เพราะทางบีอาร์เอ็นก็ยังไม่ได้ยืนยันกลับมา จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และได้ติดต่อผ่านไปยังผู้อำนวยความสะดวกของมาเลเซีย (ดาโต๊ะซัมซามีน อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง) เพื่อสอบถามด้วย
"เราต้องให้เวลาทางกลุ่มบีอาร์เอ็นว่าเขาสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ปฏิบัติการณ์ที่แท้จริงได้ทั้งหมด เราก็จะขอติดตามผลก่อนที่จะนำไปสู่การเจรจาครั้งต่อไป" พล.ท.ภราดร กล่าว
อ้างคนก่อเหตุไม่ใช่บีอาร์เอ็น-เดินหน้าคุยต่อ
พล.ท.ภราดร ย้ำด้วยว่า รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายรุกอยู่ตลอดเวลาในการใช้กระบวนการสันติภาพ เพราะเจตนารมณ์ที่ประกาศลงนาม (ข้อตกลงริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพ) ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญไทย ดังนั้นไม่ต้องกังวล ส่วนเหตุรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ยังสืบสวนสอบสวนอยู่ เพราะกลุ่มที่ก่อเหตุเป็นพวกหัวรุนแรง พยายามจะสื่อสารว่าสาเหตุที่ทำเพื่อต้องการแก้แค้นให้กับผู้บริสุทธิ์ เราก็ต้องไปสืบสภาพว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และย้ำว่าเท่าที่สืบสภาพจนถึงขณะนี้ กลุ่มที่ก่อเหตุไม่ใช่คนในขบวนการบีอาร์เอ็น
"ผมยังเชื่อมั่นในแนวทางที่ได้ดำเนินการ เพราะแม้เหตุการณ์จะหนักขึ้นทุกวัน แต่ถือว่ายังอยู่ในพื้นที่ควบคุมของเรา ไม่ได้กระจายตัวออกนอกพื้นที่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่"
เมื่อถามว่าหากเหตุการณ์ในพื้นที่ยังรุนแรงต่อเนื่อง จะยุติการพูดคุยสันติภาพไว้ก่อนหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า การพูดคุยต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้ามีอุปสรรคเกิดขึ้นในบางครั้งก็อาจจะหยุดบ้าง ถ้ากลับมาพูดคุยต่อได้ก็ต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งทางกองทัพก็ยืนยันว่ายังต้องดำเนินการต่อไป ยืนยันว่าบรรยากาศการพูดคุย ถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายเสมอภาคกัน ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
ตั้ง"นิวัฒน์ธำรง"เจ้าภาพแถลงข่าวไฟใต้
พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รองผอ.ศปป.5 กอ.รมน.) ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย กล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงข่าวประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเป็นเอกภาพ นอกจากนั้นยังได้กำชับให้คนในรัฐบาลระมัดระวังการให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวที่เกี่ยวกับการพูดคุยสันติภาพ เพื่อไม่ให้กลายเป็นการยกระดับกลุ่มบีอาร์เอ็น
"ทักษิณ"โพสต์เฟซบุ๊คไปมาเลย์-ชวนอุสตาซร่วมเจรจา
วันเดียวกัน เฟซบุ๊ค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเดินทางไปมาเลเซียระหว่างวันที่ 27-29 เม.ย. โดยระบุว่าได้ไปพบ นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้หารือเรื่องอาเซียน และสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค.นี้ เท่าที่ประเมินคาดว่าพรรคอัมโนจะชนะอย่างไม่มีปัญหา
นอกจากนั้น ในวันที่ 29 เม.ย.ก่อนเดินทางต่อไปฮ่องกง ได้พบกับอุสตาซ (ครูสอนศาสนา) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของไทย ก็เลยขอความร่วมมือช่วยกันทำให้ภาคใต้สงบ โดยขอให้เชิญทุกกลุ่มมาพูดคุยกับคณะของ สมช.เพื่อประสานความเข้าใจ และช่วยกันพัฒนาประเทศให้เกิดความผาสุก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 นายดาโอ๊ะ สะดี นายก อบต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
2-4 อาคารที่ทำการ อบต.ที่ถูกเผาจนวอด
5 รถกระบะหุ้มเกราะของทหารที่ถูกลอบวางระเบิดที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
6 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่ออย่างเคร่งเครียดขณะลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ขอบคุณ : ข่าวความเคลื่อนไหวจากส่วนกลางโดยสำนักข่าวเนชั่น
