ล่องเรือ 'คลองมหาสวัสดิ์' เรียนรู้ร่วมกับชุมชน พร้อมหรือไม่ เป็นพื้นที่ผันน้ำ

เหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ปลายปี 2554 หากมองภาพถ่ายจากดาวเทียม จะเห็นพื้นที่สีฟ้ากว้างใหญ่ชัดเจน ทั้งด้านเหนือ ตะวันออก และตะวันตก นั่นคือมวล "น้ำ" ที่โอบล้อมพื้นที่กรุงเทพมหานครดูราวกับเป็นไข่แดง
เนื่องจากยุทธศาสตร์ในขณะนั้นคือ ปกป้องกรุงเทพมหานครชั้นใน โดยผันน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ดูเหมือนฝั่งตะวันตกจะรับน้ำไปจนอ่วมกว่าใครเพื่อน
ปริมาณน้ำที่มากมายขนาดนั้น กอรปกับเส้นทางระบายหลักใหญ่ที่จะนำน้ำลงสู่ทะเลก็คือแม่น้ำสำคัญสามสาย คือ บางปะกง เจ้าพระยา และท่าจีน ซึ่งต้องอาศัยโครงข่ายย่อยคือคลองต่าง ๆ ที่เชื่อมถึงกัน คอยผลักดักน้ำ
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้ระบบคูคลอง อย่างน้อยก็ได้รู้จักชื่อคลองต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ว่า คลองเหล่านั้นมีความสำคัญต่อการช่วยระบายน้ำท่วมอย่างไร
เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา สภาวัฒนธรรมอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายภาคประชาสังคม จัดกิจกรรม “ล่องเรือ เนื่องในโอกาสครบรอบ 153 ปี คลองมหาสวัสดิ์” ขึ้น เพื่อเรียนรู้คลอง บทบาทของคลองในการช่วยระบายน้ำท่วม และเชื่อมโยงไปถึงผลกระทบจากโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล
"ประเชิญ คนเทศ" ประธานกรรมการศูนย์ประสานงานเครือข่ายความร่วมมือฝ่าภัยพิบัติคนนครปฐม โต้โผใหญ่ของงานนี้ บอกว่า คนนครปฐม รวมตัว ติดตามการวางแผนและทีโออาร์น้ำ 3.5 แสนล้านบาท มาโดยตลอด และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่เคย ก็อยากเข้าไปมีส่วนร่วม โดยเฉพาะในโมดูล A5 ที่เป็นการจัดทำทางผันน้ำ (Floodway) ซึ่งภาคประชาชนฝั่งตะวันตกตั้งข้อสังเกตว่า จะเป็นการแก้ปัญหา หรือซ้ำเติมชาวบ้านกันแน่
ด้วย โมดูล A5 วงเงินสูงที่สุด 153,000 ล้านบาท โดยเป็นการจัดทำทางผันน้ำ ขนาด 1,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ด้านฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับฝั่งตะวันตก โครงการที่จะเกิดขึ้นก็คือการก่อสร้างถนนและการขุดคลอง เพื่อช่วยผันน้ำลงสู่อ่าวไทย
พื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกตอนล่าง รายละเอียดในทีโออาร์ ระบุให้ขุดคลองลัด 3 แห่ง ได้แก่
1.คลองลัดงิ้วราย ออกวัดไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ความยาว 2.5 กิโลเมตร
2.คลองลัดอีแท่น บริเวณวัดหอมเกล็ด ออกท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ความยาวประมาณ 1.8 กิโลเมตร
และ 3.คลองลัดท่าข้าม บริเวณปากคลองข้างวัดท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม ความยาวประมาณ 2.2 กิโลเมตร
โดยคลองทั้ง 3 แห่ง ต้องแล้วเสร็จใน 3 ปี
นี่คือสิ่งที่จะกระทบกับประชาชนในย่านนครปฐม นนทบุรี โดยตรงในระยะเวลาอันใกล้นี้
ขณะที่ทางบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ก็เผยออกมาว่า รูปแบบฟลัดเวย์แนวฝั่งตะวันตกที่บริษัทออกแบบ จะขุดคลองใหม่ขนาดความกว้าง 120 เมตร มีถนนขนาด 4 ช่องจราจรขนาบอยู่ 2 ข้าง ความยาวประมาณ 400 กิโลเมตร ต้องเวนคืนพื้นที่ประมาณ 40,000-50,000 ไร่ ส่วนใหญ่ตัดผ่านที่นา และจำเป็นต้องรื้อย้ายบ้านเรือนเล็กน้อยกระจายตามจุดต่าง ๆ โดยเส้นทางจะรับน้ำจากพื้นที่เหนือ จ.นครสวรรค์ ไล่ลงมาพาดผ่าน จ.อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มาออกแม่น้ำแม่กลอง จ.สมุทรสาคร และลงอ่าวไทย
ท่ามกลางรายละเอียดต่าง ๆ ที่ยังไม่ค่อยแน่ชัด ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล สำนักชลประทานที่ 11 กรมชลประทาน ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ริมคลองมหาสวัสดิ์ ที่มีนายชัยพร พรหมสุวรรณ เป็นผู้อำนวยการได้ร่วมให้ข้อมูลในกิจกรรมล่องเรือครั้งนี้ด้วยว่า
พื้นที่โครงการทุ่งพระพิมลเป็นพื้นที่รับน้ำผ่าน มีหน้าที่ช่วยผันน้ำออกสู่แม่น้ำสายหลัก ซึ่งจะรับน้ำเข้าตามศักยภาพที่สูบออกได้
“เมื่อปี 2554 น้ำมา 500 ลบ.ม.ต่อวินาที สูบออกได้แค่ 200 ลบ.ม.ต่อวินาที ใช้เวลาสูบน้ำสามเดือนเต็ม ๆ ตั้งแต่พฤศจิกายนถึงมกราคม จึงระบายออกได้หมด” ผอ.โครงการฯ พระพิมล เล่าย้อนเหตุการณ์ และว่า ขณะนี้ โครงการทุ่งพระพิมลถูกมอบหมายให้น้ำผ่านเข้ามา 167 ลบ.ม. ต่อวินาที สามารถจัดการระบายผ่านคลองต่าง ๆ ในพื้นที่ได้ทั้งหมดรวมกัน 91 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือน้ำค้างทุ่งอีก 76 ลบ.ม.ต่อวินาที
ทั้งหมด กลายเป็นโจทย์ที่ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมลจะต้องทำให้ได้ !!![]()
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโครงการฯระบุว่า พื้นที่โครงการพระพิมลมีปัญหาสำคัญโดยเฉพาะการระบายน้ำได้ไม่สะดวก จากแม่น้ำลำคลองที่มักตื้นเขินอยู่เป็นประจำ
ที่สำคัญ คือ การไม่มีประสิทธิภาพการระบายน้ำในแนวเหนือ-ใต้ เนื่องจากตั้งแต่คลองมหาสวัสดิ์ลงไป ไม่มีคลองในแนวเหนือ-ใต้เลย จึงต้องระบายน้ำออกแนวซ้าย-ขวาอย่างเดียว คือให้ออกทางแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนให้เร็วที่สุด
สภาพของแม่น้ำท่าจีนในช่วงที่ไหลผ่านอำเภอนครชัยศรี มีลักษณะเป็น "กระเพาะหมู" ถึงสามกระเพาะ ทำให้น้ำเคลื่อนที่ช้า จึงมีแนวคิดว่า ควรจะมีคลองลัดเหมือนคลองลัดโพธิ์ แต่ก็ติดปัญหาหาก ไม่ได้รับความร่วมมือจากชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่
จากอุทกภัยปี 2554 เป็นบทเรียน ทำให้เห็นทิศทางน้ำและปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านมาสองปี เครื่องมือหลักในเขตพื้นที่โครงการพระพิมลคือเครื่องสูบน้ำ ที่ได้วางไว้ด้านแม่น้ำท่าจีนมากพอสมควร ขณะเดียวกันก็มีแนวปะทะน้ำที่คันคลองพระยาบันลือ และคันกั้นน้ำของถนนต่าง ๆ เป็นตัวชะลอน้ำ
กับเรื่อง “น้ำท่วม” ผอ.โครงการฯพระพิมลมองว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมกันบ้าง โดยมาทำความเข้าใจกัน ยอมให้น้ำท่วมขังสักเดือนสองเดือน เช่นช่วงเดือนกันยายนที่น้ำเริ่มหลากมา พอถึงเดือนพฤศจิกายน ทางโครงการฯก็จะสูบน้ำออกได้หมด เพราะถ้าเราไม่ยอมให้น้ำไหลผ่าน เราก็จะยิ่งสร้างแนวกั้น น้ำก็ยิ่งขึ้นสูง กำลังของน้ำก็ยิ่งมาก
“หลักการใหญ่ของการระบายน้ำคือเอาน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด แต่ระหว่างนั้น คนในพื้นที่ก็ต้องยอมเสียสละ ให้น้ำท่วมที่ดินของตัวเองเล็ก ๆ น้อยกันบ้าง เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ณ วันนี้เราชอบสร้างแนวป้องกันเต็มไปหมด ถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีกแนวป้องกันก็จะแบ่งมวลชนออกเป็นสองกลุ่มโดยธรรมชาติ กลุ่มบนกับกลุ่มล่าง”
มองอีกด้าน น้ำที่ท่วมมาก็นำแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่าง ๆ มาให้ด้วย ให้น้ำท่วมก็เท่ากับให้ผืนดินได้พักบ้าง เก็บสะสมความอุดมสมบูรณ์ หลังน้ำลดปี 2554 หลายแห่งยืนยันตรงกันว่า ดินดีขึ้น ปลูกอะไรก็งอกงามเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
