รณรงค์กดดัน “ยิ่งลักษณ์-ครม.” ยุติการปลด “หมอวิฑิต” พ้น ผอ.องค์การเภสัช
ภาคปชช.เริ่มรณรงค์กดดัน “ยิ่งลักษณ์-ครม.” ยุติการปลด “หมอวิฑิต” พ้น ผอ.องค์การเภสัช ให้โยนกลับไปสืบสวนใหม่

ภาคประชาชน นำโดย น.ส.สารี อ่องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้เปิดฉากการรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ www.change.org เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.ยุติการปลด นพ.วิฑิต อรรถเวชกุล ออกจากตำแหน่งเลขาธิการองค์การเภสัช (อภ.) ตามที่บอร์ด อภ.มีมติไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2556 และจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบในวันที่ 21 พ.ค.นี้
โดยให้เหตุผลว่า มติบอร์ด อภ.ดังกล่าว ขาดกระบวนการสืบสวนสอบสวนอย่างโปร่งใส ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง
นอกจากนี้ นพ.วิฑิต มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย เช่น ทำให้ราคายาเป็นธรรมส่งผลให้ราคายาทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศต้องลดราคาลง ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ เข้าถึงยามากขึ้น อาทิ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลาสซีเมีย ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง
ในช่วงมหาอุทกภัย นพ.วิทิต ยังมีบทบาทโดดเด่นในการจัดหาเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่างๆ ทันที เช่น น้ำเกลือ วัคซีน น้ำยาล้างไต
รวมถึงโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาที่ได้การรับรองระดับมาตรฐานองค์การอนามัยโลก WHO GMP ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก และการวิจัยวัคซีนทั้งชนิดเชื้อตายและเชื้อเป็นของไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก อีกทั้งยังทำหน้าที่จัดหาและสำรองยากำพร้าซึ่งเป็นยาที่มีการใช้ในจำนวนน้อยแต่จำเป็นต่อชีวิตของผู้ป่วย
ท่ามกลางความก้าวหน้าขององค์การเภสัชกรรมที่มี นพ.วิฑิตเป็นผู้บริหารเช่นนี้ ได้สร้างผลสะเทือนต่อบริษัทยาข้ามชาติที่กำไรหดหายมหาศาล บริษัทวัคซีนที่ไม่ต้องการเห็นไทยพึ่งตัวเองได้ การแสวงหากำไรจากการจ่ายยาราคาแพงอย่างไม่สมเหตุสมผล และนักเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่หวังทำกำไรจากการแปรรูป อภ.
แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ อภ.และ นพ.วิฑิตเสื่อมเสียชื่อเสียง และทำลายความเชื่อมั่นในคุณภาพของยาชื่อสามัญอย่างต่อเนื่อง
จึงอยากเรียกร้องให้นายกฯ และ ครม.ยุติการปลด นพ.วิฆิตออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ อภ. และให้นำเรื่องกลับไปสอบสวนอย่างโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเที่ยงคืนวันที่ 20 พ.ค.2556 มีผู้มาลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์ดังกล่าวในเว็บไซต์ www.change.org แล้วว่า 8 ร้อยคน
