“เฉลิม” ชงถามต่างชาติ ศาลฎีกาคดีนักการเมือง ขัดกติการะหว่าง ปท.หรือไม่
“เฉลิม” เสนอทำรายงานถามนานาชาติ ศาลฎีกาฯ แผนกคดีนักการเมือง ขัดหลักกติการะหว่าง ปท.ว่าด้วยสิทธิพลเมืองหรือไม่

(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 20 พ.ค.2556 มีการพิจารณากรณีที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอขอความเห็นชอบ “รายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ฉบับที่ 2” ที่จะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นต่างรายงาน ICCPR ว่า กรณีที่ให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพียงศาลเดียวจะเป็นการขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองหรือไม่ และอย่างไร และกระทรวงยุติธรรมควรจะดำเนินการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับที่ประเทศไทยเป็นภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองหรือไม่
“ส่วนตัวผมเห็นว่าควรจะทำรายงานเปรียบเทียบว่าการที่ไทยมีศาลฎีกาฯ จะเหมือนหรือต่างกับนานาประเทศอย่างไรบ้าง และเป็นการละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองหรือไม่ เพราะการพิจารณาคดีในศาลฎีกาฯ เป็นแค่ศาลเดียว ไม่มีการอุทธรณ์ ไม่มีการฎีกา” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ได้เพิ่มบทบัญญัติจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ที่ให้ผู้ซึ่งถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินว่ามีความผิด สามารถยื่นหลักฐานใหม่อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ดังนั้นการที่บอกว่า ศาลฎีกาฯ เป็นแค่ศาลเดียวจึงไม่ถูกต้องนัก นอกจากนี้ การส่งรายงาน ICCPR ยังมีกำหนดระยะเวลาอยู่ด้วย เกรงว่าหากนำรายงานฉบับนี้ไปแก้ไขอาจไม่ทันกำหนดระยะเวลา
ร.ต.อ.เฉลิมจึงเสนอว่า อาจจะส่งรายงานฉบับนี้ไปก่อนเบื้องต้น และส่งรายงานฉบับที่เพิ่มเติมเรื่องข้อสังเกตศาลฎีกาฯ ตามไปภายหลัง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 จะกำหนดให้อุทธรณ์คำตัดสินของศาลฎีกาฯ ได้ก็ตาม แต่การกำหนดเวลาให้ยื่นพยานหลักฐานใหม่ภายในระยะเวลา 30 วัน ก็ไม่น่าจะมีใครไปหาพยานหลักฐานใหม่ภายในเวลาเพียงเท่านั้นได้ ที่สำคัญยังกำหนดให้ยื่นอุทธรณ์ได้แต่ข้อเท็จจริง ไม่รวมถึงข้อกฎหมาย ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการในกระบวนการยุติธรรม
ท้ายสุด ที่ประชุม ครม.จึงมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิมและนายพงษ์เทพกลับไปพิจารณาทำรายงานเพิ่มเติมรายงานที่ ยธ.เสนอ ก่อนนำกลับมาให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาอีกครั้ง
