แฉพฤติกรรม “วรวัจน์” ป่วนทั้งกระทรวงวิทย์ฯ เล็งเก็บข้อมูลร้อง ป.ป.ช.
จุฬาฯ จัดเวทีอภิปรายปัญหากระทรวงวิทย์ฯ คนวงในเผยมีปัญหาแทบทุกหน่วยงาน ชะลอสรรหาเลขาฯ สวทน.เพราะไม่ชอบผู้สมัคร ขอดูโครงการจัดซื้อ 2 ลบ.เพื่อส่งคนใกล้ตัวไปร่วม เผยกำปั้นต้านเต็มจอคน สวทช.เพราะ รมต.บิดเบือนข้อมูล เสนอเก็บหลักฐานทุจริตร้อง ป.ป.ช.

(วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล - ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2556 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยสังคมและศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาฯ ร่วมกับโครงการวิจัยความขัดแย้งทางเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดเวทีอภิปราย-ระดมความคิด ในหัวข้อ “Fight for Science … for What? สู้เพื่อวิทยาศาสตร์ ... เพื่ออะไร” โดยมีข้าราชการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ นักวิจัยและพนักงานขององค์กรในกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมกว่า 20 คน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้เข้าร่วมเวทีดังกล่าว หลายคนใส่เสื้อสีดำ บางคนใส่ริสท์แบนด์ที่มีข้อความ Fight for Science ที่ทำขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจการบริหารของ “นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล” รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ก่อนเริ่มต้นการอภิปราย-ระดมความคิด มีการขอร้องต่อสื่อมวลชนว่า สามารถรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ให้งดถ่ายภาพและช่วยปกปิดรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมเวทีดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยต่อตัวผู้ให้ข้อมูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวทีมีการให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งไม่เพียงที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เท่านั้นที่เกิดปัญหาจากการบริหารงานของ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ หน่วยงานอื่นๆ ก็พบปัญหาลักษณะที่คล้ายคลึงกัน อาทิ เมื่อมีการสรรหาเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) แล้วปรากฏว่ามีอดีตเลขาธิการ สวทน.คนหนึ่ง ซึ่งสไตล์การทำงานไม่ถูกใจ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ คนปัจจุบันยื่นใบสมัครเข้ามา ก็มีการดึงกระบวนการสรรหาด้วยการไม่เรียกประชุมเป็นเวลาหลายเดือน แม้ฝ่ายเลขาจะยื่นเรื่องต่อ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ หลายครั้ง จนผู้สมัครรายดังกล่าวรู้สึกเหนื่อยหน่ายกระทั่งต้องถอนใบสมัครไปในเวลาต่อมา
“กรณีนี้น่าจะเหมือนกับที่ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ไม่เรียกประชุมบอร์ด สวทช. กระทั่ง บอร์ด สวทช.ชุดเดิมหมดวาระ เพราะถ้าเรียกประชุม เรื่องแรกที่ต้องพิจารณาคือเรื่องการต่ออายุ ผอ.สวทช.คนปัจจุบัน”
หรือกรณีที่นายวรวัจน์มีข้อกำหนดว่า ให้โครงการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีมูลค่าเกินกว่า 2 ล้านบาทต้องผ่านตารัฐมนตรี ซึ่งทุกครั้งที่มีการนำโครงการไปเสนอ นายวรวัจน์จะส่งที่ปรึกษารายใดรายหนึ่งให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว เป็นอุปสรรคในการทำงานและสร้างความอึดอัดให้กับบุคลากรในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นอย่างมาก เพราะที่ปรึกษาที่ถูกส่งเข้ามาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพียงคนใกล้ชิดรัฐมนตรี แต่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวอย่างเพียงพอ กระทั่งมีบางโครงการที่ผู้เกี่ยวข้องขอดึงเรื่องไว้ก่อน เพราะเกรงว่าหากให้ที่ปรึกษาของ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะสร้างความเสียหายได้
ทั้งนี้ มีการเล่าถึงเบื้องหลังถึงเหตุการณ์ “กำปั้น Fight for Science เต็มหน้าจอ” ว่า เกิดมาจากที่นายวรวัจน์ไม่ทำตามข้อตกลงจากการพูดคุยกับพนักงาน สวทช. โดยก่อนหน้าที่พนักงาน สวทช.จะออกมาแต่งชุดดำประท้วงความไร้ธรรมาภิบาลของ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ พร้อมกดดันให้ตั้งบอร์ด สวทช.ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง เคยมีการเจรจากันระหว่างพนักงาน สทว.กับ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรก เกิดขึ้นหลังจากมีใบปลิวนัดแต่งชุดดำประท้วง เมื่อปลายเดือน พ.ค.2556 ซึ่งนายวรวัจน์ก็ชี้แจงกับตัวแทนพนักงาน สวทช.ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัญหาการสื่อสารระหว่างผู้บริหาร สวทช.กับพนักงาน สวทช.ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน ซึ่งวันนั้นนายวรวัจน์ก็ชี้แจงข้อสงสัยของพนักงาน สวทช.ในหลายๆ ประเด็น ทั้งเรื่องงบประมาณ สวทช.ที่ถูกตัด รวมถึงกรณีโบนัสที่ไม่มีการอนุมัติ ซึ่งเรื่องราวทำท่าจะคลี่คลายไประดับหนึ่ง
“กระทั่ง รมว.วิทยาศาสตร์ไปให้สัมภาษณ์รายการเผชิญหน้า ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2556 ด้วยถ้อยคำหลายอย่างที่พนักงาน สวทช.รับไม่ได้ อาทิ พนักงาน สวทช.มาเคลื่อนไหวเพราะอยากได้โบนัส 158 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นความจริง หรือ สวทช.ไม่มีผลงานเลย ทั้งๆ ที่ รมว.วิทยาศาสตร์เพิ่งรับรองผลการปฏิบัติงานของ สวทช.ไปเมื่อต้นปี 2556 ว่า “ดีเยี่ยม” จึงเห็นได้ว่าคำพูดของนายวรวัจน์ขัดกันเองหลายครั้ง ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว นำไปสู่เหตุการณ์กำปั้นเต็มหน้าจอ เพราะรับไม่ได้ที่มีการบิดเบือนในหลายๆ ประเด็น”
(อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กับสปริงนิวส์ ที่ทำให้พนักงาน สวทช.ไม่พอใจเพราะมองว่าถูกบิดเบือนข้อมูล “วรวัจน์” ชี้ปมโบนัส 158 ล. ต้นตอใบปลิวต้าน-รับไม่พอใจ ผอ.สวทช.)
และ ครั้งที่สอง เกิดขึ้นภายหลังพนักงาน สวทช.พยายามล่ารายชื่อให้ รมว.วิทยาศาสตร์ชี้แจงข้อสงสัยใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.เรื่องการประชุมบอร์ด สวทช.ที่ควรเรียกประชุมทุกเดือน แต่ผ่านมา 8 เดือนนายวรวัจน์เรียกประชุมเพียง 2 ครั้ง 2.เรื่องการแต่งตั้ง ผอ.สวทช. แทนนายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สวทช.คนปัจจุบัน ที่กำหนดจะหมดวาระปลายเดือน มิ.ย.2556 ที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ และ 3.งบประมาณของสำนักงาน สวทช.ที่ถูกตัดไปกว่า 900 ล้านบาท โดย รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ก็พยายามชี้แจงหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีบอร์ด สวทช.ซึ่งจะเสนอที่ประชุม ครม.แต่งตั้งใหม่เร็วๆ นี้
“คน สวทช.ไม่ต้องการให้เรื่องเป็นประเด็นทางการเมืองหรือจะไปไล่ใคร เพียงแต่เป็นห่วงความไร้ธรรมาภิบาลในหลายๆ กรณีของ รมว.วิทยาศาสตร์คนนี้ ซึ่งหากนายวรวัจน์ยอมปรับรูปแบบการทำงาน พวกเราก็ทำงานด้วยกันต่อไปได้ โดยจะเริ่มจากการดูรายชื่อบอร์ด สวทช. หากเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ พวกเราก็รับได้ และจะถือว่า รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เริ่มต้นการบริหารงานแบบธรรมาภิบาล แต่ถ้ามีแต่พวกพ้องคนใกล้ชิด คงบอกได้คำเดียวว่า ...ต้องติดตามตอนต่อไป”

(เื่มื่อวันที่ 3 มิ.ย.2556 พนักงาน สวทช.รวมตัวกันแต่งชุดดำถ่ายภาพแสดงพลังเรียกร้องให้ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ใช้หลักธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งบอร์ด สวทช.)
นอกจากนี้ ในเวทีดังกล่าว ยังมีการสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้การเคลื่อนไหวในระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากสังคมไม่มากเท่าที่ควรว่า มีอาทิ
- ที่ผ่านมา คนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ขาดการสื่อสารกับสังคม มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานวิจัย ไม่ออกมาอธิบายว่าวิทยาศาสตร์สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างไร
- นักวิทยาศาสตร์เฉื่อยกับการเมือง ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการเมือง คิดว่าแค่ทำงานก็ดีแล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า แม้จะหลีกเลี่ยง แต่การเมืองก็จะมายุ่งกับเราเอง
- วิธีการเคลื่อนไหวใสซื่อจนเกินไป คิดว่าใช้ไม้นวม พูดคุยแล้วจะสามารถตกลงกับ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เป็นการภายใน ต่างกับกรณีแพทย์ชนบทที่เคลื่อนไหวจนสามารถนั่งโต๊ะเจรจากับ รมว.สาธารณสุขได้
- ข้อจำกัดเรื่องระเบียบภายใน สวทช.ที่ห้ามพนักงานให้ข่าวกับสื่อโดยตรง ทำให้สื่อต้องตามหาข่าวเอง ทำให้ทิศทางข่าวออกมาขาดเอกภาพ
ฯลฯ
นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังรายหนึ่ง กล่าวว่า "ถ้าจะอธิบายต่อสังคมว่าการต่อสู้เพื่อวิทยาศาสตร์ทำไปเพื่ออะไร ก็ควรจะบอกว่าเวลานี้ ประเทศต้องการโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่ไม่ได้หมายถึงแค่ถนน ท่าเรือ หรือสนามบิน ยังหมายรวมถึงองค์ความรู้และวิธีการนำไปใช้ สิ่งที่ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ คนปัจจุบันทำ ส่งผลให้เรื่องนี้ช้าลงไปจนอาจสร้างความเสียหายต่อการพัฒนาประเทศ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของเวทีอภิปราย มีการเสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเก็บข้อมูลว่า รมว.วิทยาศาสตร์ฯ รายนี้กระทำการไร้ธรรมาภิบาลอย่างไร เพื่อที่จะได้นำไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ผู้เข้าร่วมเวทีหลายคนกล่าวว่า อาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นิยมการสั่งการด้วยวาจา อย่างไรก็ตาม หลายคนสนใจที่จะเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่
ช่วงท้าย เป็นการหารือถึงการสร้างเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รวมถึงทิศทางการเคลื่อนไหวเพื่อสื่อสารกับสังคม ก่อนจบเวทีอภิปราย-ระดมความคิดเห็น ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นกันอย่างแข็งขัน ที่ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง.
