“เอกยุทธ”ดับเพราะคนขับรถ - “ทักษิณ” เป็นเศรษฐีเพราะคนขับรถ?
ย้อนตำนาน นักการเมือง-คนดัง กับ คนขับรถ จาก “ธานี ยี่สาร - วัฒนา อัศวเหม - ทักษิณ -วันนอร์”ล้วนโชคดี มีคนขับรถรวย เป็นเจ้าของหุ้น “เอกยุทธ อัญชันบุตร”ดับดิ้นเพราะสารถี

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของเว็บไซต์ ถูกนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล คนขับรถกับพวก สังหารโหดเหี้ยม โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดคดีว่าเป็นการชิงทรัพย์ 5 ล้านบาท แต่ทว่ามีนักการเมืองหลายคนได้ดี โชคดี เพราะคนขับรถ
พลิกข้อมูลได้ดังนี้
ในคดีทุจริต ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ (บีบีซี) มูลค่า 80,000 ล้าน มีคดีหนึ่งที่นักการเมืองเอาชื่อคนขับรถไปขอกู้เงิน
กล่าวคือในช่วงเดือนมกราคม 2539 บริษัทในกลุ่มตระกูล “ตันเจริญ” กู้เงินจากบีบีซี รวมเป็นเงิน 4,020 ล้านบาท แต่มีบริษัทหนึ่งที่นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคชาติไทย (ขณะนั้น) มิได้ถือหุ้น แต่เป็นผู้ค้ำประกันคือ บริษัท ท่ายางคอมซูเมอร์
หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พาดหัวข่าว วันที่ 9 พฤษภาคม 2539 ว่า “แฉกลุ่ม 16 ตั้งคนขับรถเปิดบริษัทท่ายางคอมซูเมอร์กู้เงินจากบีบีซี 65 ล้านบาท”
ทั้งนี้ บริษัทท่ายาง มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่ นายบุญช่วย ม่วงนาค อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 3 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เป็นผู้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
นายบุญช่วยเป็นคนสนิทและคนขับรถประจำตัวของนายธานี ยี่สาร ส.ส.พรรคชาติไทย จ.เพชรบุรี (ขณะนั้น) หนึ่งในนักการเมืองกลุ่ม 16 อันเป็นกลุ่มเดียวกับนายสุชาติ
ปัจจุบันเป็นนายธานีเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร (มติครม. 21 พ.ค.2556)
ถัดมาในช่วงเดือนตุลาคม 2543 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เปิดโปงว่า ในช่วงที่นายสมพร อัศวเหม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาล “บิ๊กจิ๋ว” นายมั่น พัธโนทัย เป็นที่ปรึกษา และนายพูนผล อัศวเหม เป็นเลขาฯ ได้โอนหุ้นบริษัทนอร์ทเทิร์น ออยล์ จำกัด ให้ น.ส.อัจฉรา พินิจพรประภา นางประภาพรณ์ ผานิตสุวรรณ และ น.ส.พัชรี จงสมจิตร์ ซึ่งเป็นลูกจ้างในเอ็มพีกรุ๊ป มูลค่าถึง 99.7 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบพบอีกว่า ลูกจ้างทั้งสามคนมีชื่อถือหุ้นอยู่ในเครือเอ็มพีอีก 8 บริษัท ไม่รวมกับลูกจ้างคนอื่นซึ่งมีชื่อถือหุ้นจำนวนมากเช่นกัน เช่น
น.ส.จิระรัตน์ บุญมั่ง ถือหุ้น 2 บริษัท มูลค่า 227.5 ล้านบาท นายเชษฐา ตะกรุดเงิน ถือหุ้น 2 บริษัท มูลค่า 75.8 ล้านบาท นายหยุด การสมเหมาะ ถือหุ้นมูลค่า 80 ล้านบาท น.ส.สมคิด คำนึง ถือหุ้น 3 บริษัท รวมมูลค่า 210 ล้านบาท น.ส.สุรภี วัฒนกุล ถือหุ้นรวมมูลค่า 41 ล้านบาท
นายภิญโญ ตันคำมูล ถือหุ้น 2 บริษัท มูลค่า 68 ล้านบาท น.ส.วชิรา พวงศิลป์ ถือหุ้นรวมมูลค่า 15 ล้านบาท น.ส.กมลวรรณ อัจจมาลย์วรา ถือหุ้นมูลค่า 25 ล้านบาท
และหนึ่งในจำนวนนี้มีชื่อนายนเรศ สายทองคำ มีชื่อถือหุ้นอยู่ด้วย
นายนเรศ ขณะอายุ 26 ปี มีแม่ชื่อ สมใจ ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในบ้านอัศวเหม บ้านเดิมอยู่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นคนขับรถน.ส.สุนีย์ ภิญญภาพ คนใกล้ชิดนายวัฒนา มีชื่อถือหุ้น 3 บริษัท รวมมูลค่า 51 ล้านบาท
ต่อมา นายพูนผลถูก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลกรณียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน เป็นเท็จ และถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินห้ามเล่นการเมือง 5 ปี
คดีใหญ่ทางการเมือง “ซุกหุ้น”เป็นข่าวคึกโครมในช่วงปี 2543-2544 นางบุญชู เหรียญประดับ จัดเป็นคนรับใช้ที่รวยที่สุดในประเทศไทยเมื่อได้รับการโอนหุ้นจนติดอันดับเศรษฐีเมืองไทย เช่นเดียวกับนางดวงตา วงศ์ภักดี คนเลี้ยงลูก
นายวิชัย ช่างเหล็ก คนขับรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็โชคดีได้รับโอนหุ้นจำนวนมากด้วยเหมือนกัน
นายวิชัย มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทในกลุ่มชินวัตรหลายบริษัท อาทิ บริษัท อินโฟลิงค์ จำกัด บริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด และบริษัท อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด มากถึง 24.89 ล้านหุ้น
ต่อมาหุ้นทั้งหมดของนายวิชัยก็กลายมาเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว
นายวิชัยเรียนจบชั้น ป.3 อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 3 บ้านโนนสังข์ ต.โพนทอง กิ่ง อ.สีดา จ.นครราชสีมา จากนั้นก็เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ กระทั่งเป็นคนขันรถของในบริษัทชินวัตร
ตอน พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ นายวิชัยก็ทำหน้าที่เป็นสารถี
อีกคนหนึ่งคือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนายกิตติศักดิ์ วัฒนาทร คนใกล้ชิดเป็นคนขับรถให้ แถมถือครองทรัพย์สินหลายสิบล้านบาท
ทั้ง 3-4 กรณีนี้เป็นตำนานเด็ดๆของนักการเมืองซึ่งโชคดีได้ดี ไม่มีใครถูกคนขับรถหักหลังเหมือนกรณีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร
