โซนนิ่งข้าวอืด กรมการข้าวเร่งหามาตรการจูงใจ สู้ "จำนำ"
อธิบดีกรมข้าว เดินหน้าโซนนิ่งเกษตร พุ่งเป้าเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ หวังชาวนาลดต้นทุนการผลิตไม่ต้องพึ่งจำนำข้าว

วันที่ 18 มิ.ย. 56 ม.เกษตรศาสตร์ (มก.) ร่วมกับมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสัมมนา ‘การกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจข้าวของประเทศไทย (โซนนิ่งด้านข้าว)' ณ อาคารวิจัยและพัฒนา ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน
นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงนโยบายโซนนิ่งด้านข้าวดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2522 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งปัจจุบันเกษตรกรเกิดปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและต้นทุนการผลิตสูง จนทำให้รัฐบาลต้องแบกภาระด้วยการแทรกแซงราคาผลผลิต ซึ่งล้วนนำเงินมาจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น ทำให้ 2 พ.ย. 2555 รัฐบาลจึงมีนโยบายกำหนดพื้นที่โซนนิ่งการเกษตร โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศเขตพื้นที่เหมาะสมสำหรับโซนนิ่งพืชแล้ว (ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ลำไย และสับปะรดโรงงาน)
ส่วนกรมการข้าว ซึ่งรับผิดชอบงานโซนนิ่งด้านข้าวนั้น อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ไม่ได้มองที่อุปสงค์และอุปทานเรื่องข้าวเหมือนพืชชนิดอื่น แต่จะมองไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตมากกว่า โดยถ้าปลูกเพื่อจำหน่าย เกษตรกรจะต้องไม่ขาดทุน ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีการปลูกข้าวให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตมากที่สุด เพราะเมื่อต้นทุนการผลิตต่ำปัญหาเรื่องตลาดจะเบาบางลง เกษตรกรจะไม่ต้องพึ่งพิงโครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการแทรกแซงราคาอื่น เพื่อหวังได้ราคาสูงอีก
สำหรับการจัดโซนนิ่งข้าวในพื้นที่เหมาะสมนั้น นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า ยังทำให้ได้ผลผลิตข้าวที่ดี ส่วนพื้นที่ไม่เหมาะสมนั้นผู้แทนจาก กษ.จะเข้าแนะนำทางเลือกให้เกษตรกรต่อความเหมาะสมของพื้นที่กับพันธุ์พืชโดยไม่บังคับ แต่จะให้เกษตรกรตัดสินใจเพาะปลูกเอง
อย่างไรก็ดี แผนงบประมาณดำเนินงานด้านโซนนิ่งเกษตรนั้น อธิบดีกรมการข้าว ระบุว่าได้เสนออนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านบาท จากเเผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อฟื้นฟูเเละสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เพื่อดำเนินโยบายดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดครม.จะมีมติเห็นชอบ
"ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่โซนนิ่งข้าวทั้งหมด ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ส่งให้กษ.ตั้งแต่ 31 พ.ค. 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งจะนำเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ต่อไป และเชื่อมั่นว่าการมีข้อมูลชัดเจนที่ชี้ว่าพื้นที่ใดเหมาะสมกับการปลูกข้าวหอม ข้าวเหนียว ข้าวขาว หรือข้าวพื้นเมืองจนถึงระดับตำบลจะทำให้เกษตรกรมีผลผลิตที่ดีได้"
ด้านนางวัลภา ตันวรรณรักษ์ ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ข้าว กรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมถึงความกังวลนโยบายโซนนิ่งด้านข้าวจะมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตหรือไม่นั้น มองว่า เรากำลังพิจารณาถึงความเหมาะสมในระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่ แต่ยังไม่กำหนดชัดเจนตอนนี้
เมื่อถามถึงการจะผลักดันยุทธศาสตร์โซนนิ่งข้าวให้ประสบความสำเร็จได้นั้น นางวัลภา กล่าวว่า กรมการข้าวมีนโยบายอยู่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าเรื่องโซนนิ่งเกษตรเป็นนโยบายรัฐบาลที่ครอบคลุมพืชทุกชนิด ฉะนั้นแนวทางของกรมการข้าวเป็นเพียงแนวทางหนึ่งที่เสนอ หากเห็นชอบก็สามารถจะผลักดันได้ อย่างไรก็ดี อาจต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งหากรัฐบาลเปรียบเทียบกับโครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการชดเชยรายได้อื่น อาจต้องเลือกนำมาตรการด้านข้าวที่จูงใจเกษตรกรได้เข้มข้นมากกว่านี้จึงจะประสบความสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุมครม. 18 มิ.ย. 2556 มีมติเห็นชอบแผนงานตามที่กยอ.เสนอ ประกอบด้วย 4 แผนงาน คือ 1. แผนงานพัฒนาภาคการเกษตรและบริหารจัดการทรัพยากรชีวภาพ 2. แผนงานพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 3. แผนงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อตอบสนองทิศทางการพัฒนาโลก และ 4. แผนงานวิจัยเชิงปฏิบัติเพื่ออนาคตประเทศ ทั้งนี้ให้ใช้จ่ายจากวงเงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน 10, 000 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2555 และให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ดังกล่าวให้กับแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศต่อไป .
