กรมชลฯ ชี้น้ำไหลลงเขื่อนยังน้อย พร้อมรับได้อีกมาก
กรมชลฯ ชี้ฤดูฝนน้ำยังไหลลงเขื่อนเพียงร้อยละ 46 ของความจุอ่างรวมทั้งหมด โดยเฉพาะภูมิพล-สิริกิติ์ ระบุยังรองรับได้อีกมาก
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด (18 มิ.ย. 56) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 32,356 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 46) ของความจุอ่างฯ ขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด สามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้อีกกว่า 37,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่ภาคเหนือ ยังสามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้อีกกว่า 16,000 ล้านลูกบาศก์เมตร อาทิ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 200 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนภูมิพลจ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,342 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า9,000ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 3,230 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุอ่างฯสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 168 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 700 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ต่างๆ ยังสามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้อีกกว่า 5,800 ล้านลูกบาศก์เมตร อาทิ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 26 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 170 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 300 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 274 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 1,700 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 83 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนอื่นๆ ยังรับได้รวมกันอีกกว่า 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับในพื้นที่ภาคกลาง ที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 89 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 690 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี มีปริมาณน้ำ 49 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 110 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 21 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 200 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีฝนตกกระจายทั่วประเทศ จนส่งผลให้เขื่อนหลายแห่งมีน้ำไหลลงอ่างฯเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์น้อย โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอดในช่วงฤดูฝนนี้