"สุดารัตน์" แจงสื่ออย่าเขียนข่าวผิด “ดิฉันสั่งยกเลิกไม่ได้จัดซื้อคอมฯฉาวค่ะ”
หมายเหตุ : คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำเพื่อไทย ได้โพสต์จดหมายในเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อว่า “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เพื่อร้องขอความเป็นธรรม คดีคอมพิวเตอร์วงเงิน 900 ล้านของกระทรวงสาธารณสุข ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมจะสรุปผลการไต่สวนในเร็วๆ นี้

(สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ - ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
เรียน ท่านสื่อมวลชน ที่รักและนับถือ
ดิฉันต้องขอความกรุณา ช่วยแก้ไขข่าว ที่กำลังนำเสนอในขณะนี้ ที่ผิดจากข้อเท็จจริงอันนำมาซึ่งความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสาธารณชน และได้ทำให้เกิดความเสียหายแกดิฉันเป็นอย่างยิ่ง
ดิฉันขอเรียนว่า เรื่องที่ดิฉันถูก ป.ป.ช. กล่าวหาอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่อง “การยกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้านของกระทรวงสาธารณสุข” มิใช่ “การจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้านของกระทรวงสาธารณสุข” ตามที่กำลังเสนอข่าวกันอยู่ แต่เป็นการยกเลิก
ดิฉันต้องขอความกรุณาสื่อช่วยกรุณานำเสนอข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ต่อดิฉันให้ถูกต้องว่าเป็น “การยกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้าน ของกระทรวงสาธารณสุข”
ข้อเท็จจริง
1) โครงการที่ดิฉันถูกกล่าวหานี้ เริ่มประกวดราคาในปี 2547 ต่อมา สธ.ได้ยกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ในโครงการนี้เนื่องจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งมายัง สธ. ว่า บริษัทที่เข้าประมูลเสนอสินค้าที่มีคุณสมบัติต่ำกว่าเกณฑ์คุณสมบัติที่กำหนดไว้ ในเอกสารประกวดราคา (TOR)
2) สธ.ได้ยกเลิกการประกวด และยกเลิกโครงการโดยไม่มีการจัดซื้อคอมพิวเตอร์สักเครื่องเดียว และ คืนเงินงบประมาณทั้งหมด ให้กับกระทรวงการคลัง ในในเดือนมกราคม พ.ศ.2549
3) หลังการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ดิฉันก็ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาในกรณีนี้ว่า “ดำเนินการยกเลิกการประกวดราคามิชอบ” และบริษัทที่เข้าร่วมประมูลได้ฟ้องกระทรวงสาธารณสุขต่อศาลปกครอง ในกรณีเดียวกัน
4) 30 มิ.ย.2553 ศาลปกครองได้พิพากษาชี้ขาดว่าการยกเลิกการประกวดราคาโครงการนี้ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ
5) แต่ป.ป.ช.ยังไม่ยอมยุติเรื่องจนถึงปัจจุบัน
ท่านสื่อมวลชนคะ ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ดิฉันถูกกล่าวหาจาก ป.ป.ช. ดิฉันได้พยายามต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอย่างไม่ย่อท้อ โดยที่ดิฉันรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งทุกครั้งที่สื่อลงข่าว ว่า “คดีจัดซื้อคอมฯฉาว ของ สธ.” เพราะตลอดชีวิตการทำงานการเมืองมากว่า 20 ปี ดิฉันไม่เคยทุจริต คดีโกงประชาชน ไม่เคยถูกร้องเรียน ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หลังจากปฏิวัติ ดิฉันต้องถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ และเป็นเรื่องเดียวในชีวิต ทั้งๆ ที่การที่ สธ.ยกเลิกโครงการนี้เป็นโครงการทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของทางราชการ ยกเลิกโครงการ โดยไม่ได้มีการจัดซื้อแม้แต่เครื่องเดียว งบประมาณทั้งหมดส่งคืนคลัง และศาลปกครองก็พิพากษาแล้วว่า การยกเลิกชอบด้วยกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ราชการ
ดิฉันจึงกราบขอความกรุณา ได้โปรดช่วยนำเสนอข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ต่อดิฉันให้ถูกต้องมิใช่ “จัดซื้อคอมฯฉาว” แต่เป็นการ “ยกเลิกการจัดซื้อคอมฯฉาว” และได้โปรดนำเสนอข้อเท็จจริงกรณีที่ศาลปกครอง ได้พิพากษาว่า การยกเลิกโครงการนี้ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของราชการด้วยนะคะ ถ้าซื้อก็ฉาวแน่ๆ ค่ะ! เพราะจะเป็นการซื้อคอมฯ ที่มีคุณสมบัติต่ำกว่า TOR กำหนดราชการต้องเสียประโยชน์ ประชาชนถูกโกง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และ ดิฉันขอขอบพระคุณมา ณ.โอกาสนี้
ด้วยความนับถือ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานข่าว ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 23 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา คุณหญิง สุดารัตน์ เปิดบ้านพักส่วนตัว ซอยลาดปลาเค้า 60 แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงคดีนี้ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า ทำการเมืองมา 20 ปี อยู่มาหลายกระทรวง ไม่เคยทุจริต หรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยกเลิกโครงการ เนื่องจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เห็นว่า บริษัทที่เข้าร่วมประมูล เสนอสินค้ามีคุณสมบัติต่ำกว่าที่ ทีโออาร์ กำหนด ทั้งเรื่องหน่วยความจำ ความเร็ว และระบบไฟสำรองของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสาระสำคัญ ในการจัดซื้อ จึงยกเลิก โครงการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อยกเลิกโครงการก็คืนงบทั้งหมด 900 ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง ไม่มีการจัดซื้อแม้แต่เครื่องเดียว ไม่ได้ทำให้ราชการเสียหาย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หลังการปฏิวัติกลับถูกกล่าวหาจากผู้มีอำนาจในขณะนั้นว่า ยกเลิกการจัดซื้อโครงการดังกล่าวโดยมิชอบ มีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ระหว่างนั้น มีบริษัทเอกชนไปยื่นฟ้องตนต่อศาลปกครองว่า ยกเลิกโครงการโดยมิชอบ ในที่สุดศาลปกครองมีคำพิพากษาเมื่อปี 2553 ว่า การยกเลิกการประกวดราคาเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทางราชการ แต่ ป.ป.ช. กลับยังพิจารณาคดีต่อไป และระหว่างสู้คดีกับ ป.ป.ช. มีกลุ่มบุคคล 3 คน เป็นพยานเท็จ ไปให้การเท็จกับ ป.ป.ช.
หนึ่งในนั้น เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง ทำให้กลุ่มข้าราชการที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ร่วมกับตนไปยื่นเรื่องฟ้องศาลอาญาดำเนินคดีกับพยานเท็จกลุ่มนี้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ค.56 ศาลมีคำตัดสิน ให้จำคุกอดีตข้าราชการระดับสูงคนนี้ ข้อหาให้การเท็จเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา มั่นใจว่าตลอดเวลา 7 ปีที่ต่อสู้คดีมา ไม่ได้ทำผิด
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ป.ป.ช.ระบุว่าเป็นผู้ออกคำสั่งให้ข้าราชการยกเลิกการประมูลโครงการโดยมิชอบนั้น ยืนยันว่าไม่ได้สั่งการใดๆ ขณะนั้นเรื่องยังมาไม่ถึงตนด้วยซ้ำ ช่วงที่มีการยกเลิกโครงการ ตนถูกย้ายไปอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว อีกทั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ยืนยันตรงกันว่าตนไม่ได้เป็นคนสั่งการ
ทั้งนี้มีข้อมูลว่า ระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์กระทรวงสาธารณสุขนั้น มีรัฐมนตรีขณะนั้นคนหนึ่งพยายามบีบบังคับเรียกข้าราชการเหล่านี้ ไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ปรักปรำนักการเมืองว่า เป็นผู้สั่งการยกเลิกโครงการ แต่ข้าราชการกลุ่มนี้ไม่ทำตาม และยังอัดเทปบันทึกเสียงรัฐมนตรีผู้นี้ไว้ด้วย ซึ่งตนได้ส่งหลักฐานชิ้นนี้ให้ ป.ป.ช.ไปประกอบการพิจารณาแล้ว หาก ป.ป.ช.ตัดสินว่าตนมีความผิด จะเกิดบรรทัดฐานไม่ถูกต้องตามมาในสังคมว่า บริษัทที่เข้าร่วมประมูลไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามที่ทีโออาร์กำหนดก็ได้
“อยากขอความเป็นธรรมจากกรรมการ ป.ป.ช.ที่เหลือ คดีนี้เหมือนตราบาปของดิฉัน ที่ผ่านมาเสียความรู้สึกเรื่องนี้มา 7 ปี แม้ ป.ป.ช.จะตัดสินคดีออกมาอย่างไร ก็คงไม่ทันต่อสิ่งที่สังคมได้รับรู้ไป แต่ก็อยากขอความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.ให้พิจารณาโดยยึดหลักกฎหมายด้วย" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
