เพ้งชูตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
‘เพ้ง’ชูตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์-ถ่านหินรับรถไฟเร็วสูง ฟันธงดีมานด์ไฟฟ้าพุ่งเหตุอุตสาหกรรมขยายตัว
ที่รัฐสภา นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.กระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “สถานการณ์ด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยกับความมั่นคงทางพลังงาน” ในงานเสวนา “ไฟฟ้าดับ...ไฟไม่พอจริงหรือ?” จัดโดยคณะกรรมาธิการการพลังงานวุฒิสภาว่า สถานการณ์พลังงานของประเทศไทยขณะนี้ ประเมินว่าจีดีพีของประเทศสูงขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ 4.5-5% เนื่องจากระบบอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น โดยระบบอุตสาหกรรมนั้นใช้กระแสไฟฟ้าถึง 40% ของปริมาณการใช้ไฟทั้งหมดของประเทศ อย่างไรก็ตามเมื่อระบบอุตสาหกรรมยิ่งขยายตัวขึ้น จีดีพีโตขึ้น 5% ทุกปี ปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7%
ทั้งนี้การขยายตัวของตัวเลขการใช้ไฟฟ้าที่คาดการณ์ยังไม่นับรวมโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าตามมาจำนวนมาก โดยในส่วนการก่อสร้างและตัวรถไฟคงใช้อัตราการใช้ไฟฟ้าไม่มากประมาณ 2 พันเมะวัตต์ แต่ที่ควรกังวล คือ ระบบการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะตามมาหลังการก่อสร้างทางรถไฟแล้วเสร็จ เช่น การตั้งเมืองใหม่ โรงงานอุตสาหกรรมที่จะกระจายตัวตามเส้นทางโลจิสติกส์เพื่อเข้าใกล้แหล่งวัตถุดิบ แรงงานฝีมือ และโรงงานราคาถูก ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้อัตราการใช้ไฟฟ้าขยายตัวสูงแน่นอน โดยขณะนี้ต้องรอการประเมินตัวเลขที่ชัดเจนจากสำนักงานนโยบายและแผนกระทรวงพลังงาน แต่เบื้องต้นคาดว่าในปี 2573 จะมีปริมาณการใช้ไฟเพิ่มขึ้น 6 หมื่นเมกะวัตต์ สำรองอีก 1 หมื่นเมกะวัตต์ รวมเป็น 7 หมื่นเมกะวัตต์
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการคาดการณ์คิดว่าเบื้องต้นแผนพีดีพี 2013 ต้องเพิ่มการผลิตไฟไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นเมกะวัตต์ เพราะในอีก 5 ปีต้องสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงขึ้นมา อย่างไรก็ตามจำนวน 2 หมื่นเมกะวัตต์ถือว่าเป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอีก 10-20 ปีข้างหน้า ที่ปริมาณการใช้ไฟจะเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตัว ดังนั้นในอนาคตปริมาณการใช้ไฟของประเทศจะสูงมากขึ้น หากปล่อยให้ราคาไฟแพงจะกระทบโดยตรงต่อระบบอุตสาหกรรมที่จะมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและจะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลงทันที
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มองว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสร้างโรงไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย คือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์และโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะโรงไฟฟ้าแก็สที่ขณะนี้คิดเป็นสัดส่วน 67% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดนั้นถือว่าไม่มีความมั่งคงทางพลังงาน ด้านโรงไฟฟ้าพลังน้ำนั้นระบบน้ำท่วมน้ำแล้งไม่เหมาะสมกับประเทศไทย ต้องอาศัยจากประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์นั้นถือว่าระบบยังไม่เสถียร และระบบโซลาเซลล์มีราคาแพง เหมาะสมกับบางสภาพพื้นที่เช่นเขตชายแดนประเทศที่ไม่ระยะทางคุ้มค่าต่อการเดินสายไฟ
“โรงไฟฟ้าแก็สไม่มีความมั่นคงทางพลังงาน วันไหนท่อแก็สตัดขาด ถือว่าโรงไฟฟ้าปิดเลย อย่างโรงไฟฟ้าที่ต่อท่อจากพม่า เมื่อแก็สขาดทำให้โรงไฟฟ้าปิดถึง 6 โรง แล้วถ้าสมมติวันไหนท่อแก็สถูกวางระเบิด ประเทศไทยที่ใช้ระบบแก็สถึง 67% จะทำอย่างไร” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายพงษ์ศักดิ์ ยืนยันว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความมั่นคงทางพลังงาน อีกทั้งราคาถูกคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาว โดยประเทศฝรั่งเศสใช้พลังงานนิวเคลียร์เกือบ 100% โรงงานตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงปารีสไม่ เกิน 3 ก.ม.และราคาต่ำ ทำให้ค่าไฟในสหรัฐฯ เท่ากับ ประเทศไทย คือ 3.75 บาท แต่ค่าเงินบาท 30 บาทเท่ากับ 1 ดอลลาร์ เท่ากับว่ารายได้สหรัฐฯมากกว่าเราหลายเท่า แสดงว่าค่าไฟถูกกว่าประเทศไทยมาก ขณะเดียวกันทางเลือกโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น ขณะนี้แก็สธรรมชาติมีอยู่ 2 หมื่นเมกะวัตต์ หากสร้างไฟฟ้าถ่านหินอีก 2 หมื่นเมกะวัตต์ สัดส่วนการพึ่งพาแก็สธรรมชาติในประเทศจะลดลงจาก 67% เหลือเพียง 30-40% ทันที แต่ปัจจุบันมีคนต้านเยอะ เนื่องจากนำกรณีโรงไฟฟ้าลิกไนท์แม่เมาะมาเปรียบเทียบ ทั้งที่ถ่านหินกับลิกไนท์แตกต่างกัน และเทคโนโลยีปัจจุบันก้าวล้ำกว่าอดีต แต่ทุกวันนี้อดีตมันยังมาหลอกหลอนคนเท่านั้นเอง
นายพงษ์ศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ได้ประสานกับทางประเทศพม่าในการตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ทวาย โดยใช้เทคโนโลยีต้นแบบของ เจ พาวเวอร์ เมืองไอโซโก้ ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินมีค่ามลพิษน้อยมาก ทั้งนี้โรงไฟฟ้าถ่านหินจะสร้างสารซัลเฟอร์อ็อกไซด์และไนโตรเจนอ็อกไซด์ วัดหน่วยเป็นกรัมต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เเต่จากการศึกษาตรวจสอบพบว่า สหรัฐอเมริกามีซัลเฟอร์ประมาณ 3.3 กรัม แคนาดา 3.4 กรัม ฝรั่งเศส 3.4 กรัม ซึ่งถือว่ามีค่าต่ำกว่ามาตรฐานอยู่แล้ว แต่ญี่ปุ่นสามารถลดลงเหลือเพียง 0.3 กรัมเท่านั้น ขณะที่ปริมาณไนโตรเจนอ็อกไซด์ สหรัฐฯ พบ 1.2 กรัม แคนาดา 1.6 กรัม อังกฤษ 1.4 กรัมแต่ญี่ปุ่นลดลงเหลือเพียง 0.7 กรัมเท่านั้น โดยหลังจากประสานไปทางประเทศพม่ายินดีให้ตั้งโรงงาน ต่อไปข้างหน้าจะให้คนไทยไปศึกษา แต่ต้องยอมรับว่าพม่าเขาสร้างก่อน ประเทศไทยคงต้องเดินตามหลังพม่า

