มีอะไรใต้รอยยิ้ม? เมื่อ “ปู” ฉุน ก็ ฉุน แบบ “ปู”
มีอะไรใต้รอยยิ้ม? เมื่อ “ปู” ฉุน ก็ ฉุน แบบ “ปู” ประมวลสถานการณ์วิกฤต โจทย์หิน “ยิ่งลักษณ์” คุมอารมณ์ สอบผ่านหรือไม่?

หน้าที่ของผู้บริหารประเทศเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในการนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้า หรือฝ่าฟันผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นไปได้อย่างลุล่วงปลอดภัย สำหรับประเทศไทย ผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร คือ “นายกรัฐมนตรี” แน่นอนประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีมาแล้วก็หลายคน แต่ละคนก็มีฝีไม้ลายมือ ท่วงท่าและทำนองแตกต่างกันไปตามสไตล์
ถ้าจะว่ากันอีกคุณสมบัติหนึ่งที่บุคคลอันเป็นผู้นำพึงมี คือ ความอดทนอดกลั้นและการควบคุมสภาวะอารมณ์ แม้จะไม่ง่ายเพราะผู้นำต้องเผชิญแรงกดดันสารพัดและมีปัญหาอุปสรรคเสมือนข้อสอบมาให้แก้ตลอดเวลา แต่ก็มีความสำคัญ
สำหรับผู้นำหญิงคนแรกเป็นคนที่ 28 ที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แม้เธอในวัย 44 ปี จะคุมบังเหียนรัฐนาวามาได้เพียง 2 ปีก็ตาม แต่ก็เผชิญปัญหาที่เป็นข้อสอบยากมาแล้วหลายครั้ง
ด้วยความเป็นหญิง เธออาจได้เปรียบในเรื่องการควบคุมสถาวะทางอารมณ์ ต่างจากผู้นำชายคนอื่นๆ ที่อาจแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
ตัวอย่างเช่น พี่ชายของเธอ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อครั้งเป็นนายกฯ ที่มักจจะแสดงอาการไม่สบอารมณ์บ่อยครั้งเมื่อเจอสถานการณ์วิกฤต
โดยเฉพาะเมื่อเจอกับคำถามของ “นักข่าว” ที่ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบในประเด็นร้อนและข้อชวนสงสัยต่างๆ
แต่ก็มีบ้างที่ “ยิ่งลักษณ์” ถึงกับแสดงอาการออกมาให้สังเกตได้ ในบางเรื่อง บางคำถาม ที่ “นักข่าว” หยิบยกมาถามแทนประชาชนเจ้าของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่มีนัยยะสำคัญ หากไล่เรียงพอสังเขปให้จดจำกันได้
ล่าสุดเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางเยือนสาธารณรัฐโปแลนด์ และตุรกี อย่างเป็นทางการ ถึงกรณีที่ “น.ส.สุภา ปิยะจิตติ” รองปลัดกระทรวงการคลัง ออกมายอมรับมีการทุจริตทุกขั้นตอนตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับบนต่อโครงการจำนำข้าวพร้อมเปิดเผยตัวเลขขาดทุนโครงการ ทำให้ ผู้นำหญิงสวนกลับข้าราชการหญิงทันที!
“ก็ให้คุณสุภาพิสูจน์ออกมาเป็นรายละเอียดดีกว่า วันนี้สื่อมวลชนก็เห็นแล้วว่าเราตรวจสต็อกพร้อมกันทั่วประเทศ 2 พันกว่าโรงสี ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเราบ้างว่าตรวจทั้งหมดแล้ว จุดที่เจอก็ประมาณ 26 จุด ตอนนี้ก็รอขั้นตอนของตำรวจที่จะสืบค้น ถ้ามีหลักฐานว่าทุจริตทุกจุดก็เอาหลักฐานมา ดิฉันพร้อมดำเนินคดีและพร้อมตรวจสอบให้ทั้งหมด ขอเป็นอย่างนี้ดีกว่า เพราะจริง ๆ แล้วถ้าพูดภาพรวมก็อาจจะทำให้คนกังวล แต่ถ้าพูดเป็นรายละเอียดเลยว่ามีจุดไหนที่ตรวจสอบแล้วพบการทุจริต เราก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจ ถ้าผิดก็พร้อมดำเนินคดี” แม้ “ยิ่งลักษณ์” จะเป็นผู้หญิงที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ก็จับอาการได้ถึงความไม่พอใจ เมื่อถูกลูกน้องใต้บังคับบัญชาโยนประเด็นใส่ ตอกลิ่มปัญหาโครงการจำนำข้าวที่กำลังร้อนเดือดในขณะนี้ให้ลึกลงไปอีก
และยิ่งถูกนักข่าวช่างซักถามซ้ำอีกถึงตัวเลขขาดทุนก็ยิ่งไปกันใหญ่ อ้างความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการตรวจสต๊อกซึ่งเป็นฝ่ายตำรวจกว่า 2 หมื่นนาย ว่าเป็น “ของจริง” ตรวจละเอียด ทุกโรงสี
“น่าจะใช้ข้อมูลตรงนี้มากกว่า ดังนั้นควรต้องรอให้คณะกรรมการที่ตรวจสต็อกได้สรุปตัวเลขมาเป็นทางการดีกว่า”
ไม่เท่านั้นเมื่อถูกจี้ด้วยคำถามที่ฝ่ายค้านระบุการปรับตัวเลขรับจำนำที่กลับไปกลับมาจาก 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ลดลงเป็น 1.2 หมื่นบาทต่อตัน แล้วกลับมาปรับเพิ่มใหม่เท่าเดิมเป็น 1.5 หมื่นบาทต่อตันเป็นนโยบาย “ไม้หลักปักขี้เลน” หรือไม่
เป็นผู้นำ ไม่แจงเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่ “ยิ่งลักษณ์”
“เหตุผลที่ ครม.รับทราบตามมติของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)นั้น ไม่ได้เรียกว่ากลับไปกลับมา ยืนยันว่ามีการรักษาวินัยการเงินการคลัง และรักษาสมดุลทั้ง 4 เรื่อง รวมทั้งดูแลชาวนาด้วย ซึ่งในอนาคตก็ยังต้องดูตาม 4 สมดุลนี้เหมือนเดิม หากราคาตลาดโลกอีกหน่อยดีขึ้นก็อาจจะปรับราคารับจำนำขึ้นก็ได้” “ยิ่งลักษณ์” ยืนยัน
นักข่าวถามอีก มั่นใจว่าปัญหาจากเรื่องจำนำข้าวจะไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลใช่หรือไม่? “ยิ่งลักษณ์” เลียงที่จะตอบ โดยกล่าวเพียงว่า “พอแล้วเรื่องข้าวเยอะเกินไปแล้ว ไปถาม รมว.พาณิชย์บ้างนะคะ”
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 “ยิ่งลักษณ์” ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาทางการเมืองโดยเฉพาะกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมติพรรคเพื่อไทยที่เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเธอชี้แจงประเด็นต่างๆตามหลักการที่พูดอยู่บ่อยๆคือให้เป็นเรื่องของรัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการ และพร้อมรับฟังความเห็นทุกสี ทุกกลุ่ม
แต่เมื่อโดนยิงคำถามเข้ากลางดวงใจว่า ดูเหมือนนายกฯจะลอยตัวหรือไม่ เพราะนายกฯเป็นแกนนำรัฐบาลและเป็นพรรคการเมืองนำในประเทศ
"โถ...จะลอยตัวตรงไหนล่ะคะ วันนี้ก็ยืนตอบคำถามสื่อมวลชนทุกวัน ยืนตอบปัญหาแก้ปัญหาทุกอย่าง เรียนว่าทุกอย่างเราเองพยายามทำอย่างเต็มที่ ขอความกรุณาว่าให้ความเป็นธรรมบ้าง อย่ามองว่าเราลอยตัว แต่จริงๆก็ต้องแยกเรื่องบทบาทการบริหารงานฝ่ายนิติบัญญัติเป็นคนละส่วนกัน" เป็นคำตอบที่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้ม
อีกเหตุการณ์ แม้จะเป็นการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ที่เรียกว่า Facebook ก็สะท้อนได้เป็นอย่างดี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 “ยิ่งลักษณ์” โพสข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัว ในช่วงวันที่สองของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของสภาฯโดยข้อความที่โพสระบุ “ขอขยายความเข้าใจเพิ่มเติม เรื่องแนวคิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ในการนำประเด็นเรื่องการขนส่งสินค้าเกษตรทางรถไฟความเร็วสูง” หลังจากโดนล้อเลียนคำพูดที่พูดในสภาถึงความจำเป็นในการสร้างรถไฟ ความเร็วสูงเพื่อทำให้ส่งผักได้อย่างรวดเร็วและผักไม่เน่า
โดย “ยิ่งลักษณ์” ระบุใน Facebook ว่า การขนส่งสินค้าโดยรถไฟความเร็วสูงเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เศรษฐกิจเติบโตรองรับอนาคตและความเจริญ นอกจากนั้นยังเป็นการต่อยอดเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพที่ดี สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูง และผู้บริโภคได้รับสินค้าสินค้าที่สดใหม่ ไม่เน่าเสีย ในต่างประเทศถือเป็นเรื่องปกติในการส่งสินค้าเกษตร
“ดิฉันเห็นว่า การนำคำพูดของดิฉันไปบิดเบือนเพื่อใช้เป็นประเด็นทางการเมือง เหนือประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นการดูถูกเกษตรกรที่ควรจะได้ลืมตาอ้าปากเสียที รถไฟความเร็วสูงจึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนไทยมีโอกาสอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง”
หากจำกันได้ ช่วงวิกฤตอุทกภัยในปี 2554 ที่เกิดตำนาน “เอาอยู่” ขึ้นที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เป็นช่วงที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องเผชิญศึกหนักจากมวลน้ำมหาศาลอยู่ลาอยครั้ง อาทิ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2554 ในการให้สัมภาษณ์กรณีการตกลงระหว่างรัฐบาลกับชาวบ้านชาวเขตคลองสามวา ที่ไม่พอใจการเปิดประตูระบายน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำและป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมสำคัญ และเมื่อบรรยากาศของคำถามเริ่มลงลึกในรายละเอียดเทคนิคการระบายน้ำ ผู้ตอบก็เริ่มมีอาการ
สื่อซักว่า ประเมินสถานการณ์น้ำล่าสุดทิศทางจะไปทางไหน “ยิ่งลักษณ์” กล่าวว่า ถ้าเรามีการควบคุมจุดต่างๆ ไม่ให้แนวทางคันกั้นน้ำแตก และสถานการณ์น้ำใน 1-2 วันนี้น่าจะทรงตัว และค่อยๆลดลงหลังจากที่ปริมาณระดับน้ำทะเลลดลง ขณะเดียวกัน น้ำในคลองต่างๆ จะระบายได้ดีขึ้น เมื่อถามต่อว่าวันนี้ปริมาณน้ำได้ขยายพื้นที่มากขึ้น ไปที่ทางรามอินทราและเกษตร “ยิ่งลักษณ์” ตอบว่า ใช่ และน้ำที่ต้องขยายเพราะการบริหารจัดการน้ำที่ กทม.เจอในส่วนของช่วงบนเรารักษาระดับน้ำให้คง และเกิดจากน้ำทะเลหนุนสูง จึงเกิดการเอ่อล้นเข้ามา ประกอบกับน้ำทะเลดันเข้ามาในส่วนของคลอง ทำให้น้ำในกรุงเทพฯ เจิ่งนอง แต่โดยรวมจะไม่แตกหวือหวา ถ้าไม่มีแนวคันกั้นน้ำแตก ฉะนั้นคงต้องดูวันสองวันนี้ คิดว่าสถานการณ์น่าจะทรงตัว
เมื่อถามอีกว่า เวลานี้เกิดความสับสนเรื่องของมวลน้ำก้อนใหญ่ ตกลงยังอยู่บนเขื่อนหรืออยู่ที่จุด จ.นครสวรรค์ และพระนครศรีอยุธยา “ยิ่งลักษณ์” ก็เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะอธิบายนัก ว่า “เดี๋ยวให้นักวิชาการอธิบายดีกว่าไหม เอาเป็นว่าเราคุยรวมๆ ก่อนดีไหม ตรงนี้จะให้ผู้รู้กรมชลประทานอธิบายเพิ่มเติม แต่โดยรวมสิ่งที่เราพูดกันว่ามวลน้ำก้อนใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่ดีขึ้น มวลน้ำก้อนใหญ่ได้ถูกระบายลงไปตามคันคลองต่างๆ มากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำที่อยู่ในเขื่อนบริเวณ จ.นครสวรรค์ และชัยนาท มีปริมาณคงที่ และค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ฉะนั้นสิ่งที่เราเป็นห่วงว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จะลดลงไป แต่ไม่ได้หมายความว่ามวลน้ำจะหมดไป คงจะค่อยๆไหลและผ่านระบบประตูน้ำ และการสูบน้ำ
เมื่อถามว่า ล่าสุดเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเขตคลองสามวาได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มอีก 70 เซนติเมตร เป็น 150 เซนติเมตร แต่ กทม.เปิดประตูระบายน้ำ 80 เซนติเมตร แนวทางที่นายกฯ มอบไปเป็นอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตกลงกันที่ 80 ซม.เรียบร้อยแล้ว เมื่อถามย้ำว่า การขอให้เปิดเพิ่มจากที่เปิด 75 ซม. ตกลงแนวทางเป็นอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยสีหน้ามึนงงว่า “อะไรคะ มันร้อยนึง แล้วจะเปิดอีก 70 ซม.ได้ยังไง ถามใหม่ได้ไหมคะ อะไร ยังไง ตรงนี้ไปถามกรมชลฯ ดีกว่าไหมคะ ทำไมต้องมาถาม เดี๋ยวนะคะถามยังไงนะคะ”
สุดท้ายนักข่าวถามย้ำอีก ว่า มั่นใจว่าทุกอย่างจบแล้วจะไม่มีปัญหาอะไรขึ้นมาอีกใช่หรือไม่ “ยิ่งลักษณ์” หันมาทางผู้สื่อข่าวที่ถาม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนพร้อมนำมือจับไปที่แขนนักข่าวที่ตั้งคำถาม ว่า “ถามอย่างนี้เหรอคะ ขอโทษเถอะ เห็นใจกันบ้างเถอะค่ะ” จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์แหวกวงล้อมสื่อด้านข้างและเดินหนีการตอบคำถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนักที่สื่อพยายามไล่บี้ถามคำถามต่อกรณีที่ชาวบ้านคลองสามวาทะเลาะกันเรื่องการเปิดประตูระบายน้ำของรัฐบาล
สำหรับนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ก็เคยทำนายกฯหญิงออกอาการมาแล้วเช่นกัน โดยในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่7 มกราคม 2556 กรณีฝ่ายค้านออกระบุว่า นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทำให้เกิดภาวะคนตกงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
“จริงเหรอ ให้ฝ่ายค้านนำข้อมูลมาดู ว่ามีคนตกงานเยอะขนาดนั้นจริงหรือไม่ ให้เอาข้อมูลมายืนยัน และจะให้รัฐมนตรีชี้แจงอีกครั้ง"
อีกกรณีตัวอย่าง เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มจัดตั้งรัฐบาลในช่วงเดือนกรกฎาคม 2554 ระหว่างจัดตั้งครม. ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างวิ่งกันวุ่นเพื่อต่อรองโควต้าตำแหน่ง โดยเฉพาะเหล่าส.ส.พรรคเพื่อไทยเอง ที่มีข่าวยกพลบินตรงไปยังดูไบเพื่อพบกับ “พ.ต.ท.ทักษิณ” และเมื่อนักข่าวเอาคำถามมาถามนายกฯตัวจริงผู้เป็นน้องสาว
"เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่ที่นี่ จะไปขอที่ดูไบทำไม ขอยืนยันว่า การจัดตั้ง ครม.จะต้องผ่านความเห็นชอบจากดิฉัน และกรรมการบริหารพรรคเสียก่อน"
ทิ้งท้ายด้วยกรณีสุดฮอต “โฟร์ซีซั่น” ที่ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ผู้ล่วงลับออกมาแฉพบนายกฯหญิงในภาระกิจส่วนตัวจนเป็นเรื่องร้อนไปทั้งสังคม อีกทั้งฝ่ายค้านนำมาเล่นงานต่อ ทั้งในและนอกสภาฯ จนฟ้องร้องดำเนินคดีกันมากมาย พลพรรคแต่ละฝ่ายออกมาซัดกันมันส์หยด!!
ในส่วนของ “ยิ่งลักษณ์” เลือกใช้วิธีโพสข้อความชี้แจงผ่าน Facebook เช่นเดิม ระบุ จากที่มีการโจมตีกล่าวหาดิฉันกรณีการเดินทางไปพบกลุ่มบุคคล ณ โรงแรม โฟร์ซีซั่นส์ เมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 นั้น ดิฉันขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
1. ประเด็นต่อข้อกล่าวหาเรื่อง “หนีการประชุมสภา ไม่รับผิดชอบต่องานสภา”
2. ประเด็นต่อข้อกล่าวหาเรื่อง “ไม่มาตอบกระทู้ของ ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี”
3. ประเด็นต่อข้อกล่าวหาเรื่อง “การเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เป็นเรื่องส่วนตัว กระทำผิดจริยธรรม และมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน"
“โดยในประเด็นที่ 3 นี้ มีใจความสำคัญว่า "ดิฉันใคร่ขอชี้แจงด้วยว่า ที่ดิฉันไม่ได้โต้ตอบข้อกล่าวหาที่ไร้สาระนี้แต่ต้น เพราะดิฉันเห็นว่าเป็นเกมการเมืองซึ่งดิฉันไม่ถนัด ดิฉันอาสาประชาชนมาเพื่อทำงาน และดิฉันเป็นนักบริหารที่เชื่อว่าผลงานจะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจ ทั้งนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่า ดิฉันจะไม่ทำการใดๆอันเป็นการหาผลประโยชน์ส่วนตน เอื้อประโยชน์ใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกอย่างที่ดิฉันทำก็เพื่อความผาสุกที่ยั่งยืนของพี่น้องประชาชนทุกคน"
เอามาประมวลเล่าเรียงกันเพื่อให้เห็นภาพว่า การเป็นผู้นำนั้นไม่ใช่ง่าย เพราะต้องเจอกับสารพัดสิ่งที่ไม่คาดฝัน อันส่งผลต่อภาวะจิตใจและอารมณ์ แม้ผู้นำหญิงที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์” จะได้เปรียบในเรื่องความอ่อนโยนและการสื่อสารผ่านรอยยิ้มอยู่เสมอๆ
แต่ก็เป็นสัจธรรมอีกเช่นกัน ที่บางครั้งรอยยิ้มก็ไม่สามารถปกปิดแววตาและอารมณ์ที่หวั่นไหว
ในฐานะเป็นปุถุชนได้...
----------
อ่านผลงาน "จำนง ศรีนคร" ย้อนหลัง:
- ย้อนรอยตำนาน "ผ้าเหลือง" ฉาว!! วิกฤตศรัทธา "พระสงฆ์ไทย" ที่ยากจะลืมเลือน?
- ย้อนรอย ยุคมืดประเทศไทย อุ้มฆ่าพิศวง? จากสังหาร 4 รมต. ถึง อวสาน “เจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์”
