"เลขาฯกฤษฎีกา"ยันกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ทำมาหลายสิบปี ระบุมีกรอบกำกับการใช้เงินอยู่
เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีนายคณิต ณ นคร ประธาน คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ระบุร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ... วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญหมวดที่ 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ มาตรา 169 บัญญัติไว้ว่าการจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยการเงินคงคลัง เมื่อการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นการกู้ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง เงินจึงเป็นเงินของแผ่นดิน ซึ่งในการจ่ายเงินแผ่นดิน นั้นจะต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การตราเป็น พ.ร.บ.นอกเหนือจากวิธีการตามที่กำหนด จึงอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่าการกู้ในลักษณะนี้เป็นการกู้กันมาหลายสิบปีแล้ว ถ้าขัดรัฐธรรมนูญแสดงว่าจะต้องคืนหมดเลยหรือ ดังนั้น ต้องแยกกันระหว่างการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน คือเงินที่อยู่ในคลังของแผ่นดิน เงินตรงนั้นถ้าจะเอามาใช้จ่ายได้ต้องตามกฎหมายงบประมาณ แต่การกู้เงินเป็นการกู้มาเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง ซึ่งต้องใช้ตามวัตถุประสงค์นั้น จะนำเงินไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องส่งคลัง และใช้ตามวัตถุประสงค์นั้น ซึ่งเป็นอย่างนี้ตลอด
นายอัชพรกล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันยังมีกฎหมายหนี้สาธารณะ คือการกำหนดการกู้เงินของทุกหน่วยงาน ก็มีการกู้มาโดยตลอดโดยไม่ออกกฎหมายงบประมาณ ขณะที่เรื่องวินัยการเงินการคลังในการกู้เงินนั้นจะมีกรอบอยู่ การเบิกจ่ายเงินจะต้องเป็นไปตามสัญญาที่กำหนดไว้ โดยมีสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางคอยกำกับอยู่ ระบบการกู้เงินของเรา หากกู้ภายในประเทศเป็นเรื่องแค่ทำสัญญากู้ เงินจะยังอยู่ที่ธนาคาร หน่วยงานราชการไม่ได้เอามา แต่เมื่อไรจะเบิกเงินจึงจะจ่าย

