เปิดผลสอบ สตง. ลากไส้ กระบวนการทำ “EIA” รัฐ "เบี้ยว -ละเลย- หละหลวม"
หมายหตุ : เป็นรายละเอียดในรายงานงานผลตรวจสอบการดำเนินงานการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ สตง. ตรวจสอบพบและนำเสนอให้นายกรัฐมนตรี รับทราบและแก้ไขปัญหาโดยด่วน

ในสภาวะที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัญหาสำคัญของโลก ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมาก โดยใช้แนวทางการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นการประกันได้ว่า ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจได้พิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบของโครงการพัฒนาที่จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมก่อนทำการอนุมัติให้ดำเนินโครงการที่มีผู้ขออนุญาตดำเนินการดัง
เช่น ประเทศจีน สหภาพยุโรป นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทยที่มีโครงการพัฒนาต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในข่ายที่จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะบางโครงการมีความเกี่ยวข้องและอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนอย่างมาก ซึ่งหากเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นจะส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้าง
การดำเนินงานของโครงการพัฒนาซึ่งอยู่ในข่ายที่จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ถูกควบคุมโดยกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้กำหนดแนวทางการติดตามตรวจสอบรายงานการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ไว้อย่างดีแล้ว เพื่อให้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดในรายงาน EIA ของโครงการที่ได้รับความเห็นชอบได้รับการปฏิบัติอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ โดยโครงการต่าง ๆ ต้องให้ความสำคัญในการนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมไปปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และไม่อาจละเลยได้
อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ สผ. กำหนด และมาตรการต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้ในรายงาน EIA ของโครงการต่าง ๆ แม้จะมีความรัดกุมในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางป้องกันดีเพียงใด แต่หากโครงการต่าง ๆ ละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดแม้เพียงครั้งเดียว อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อประชาชนของประเทศหรือระดับโลก
ดังนั้น การติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA จึงเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของ สผ. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550–2555 ใช้งบประมาณในการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสิ้น 288.01 ล้านบาท สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA เพื่อทราบผลการดำเนินงานตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อไป
จากการตรวจสอบ พบว่า สผ. ได้รับรายงาน EIA Monitoring ไม่ครบถ้วนและไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด กล่าวคือ
1. สผ. ได้รับรายงาน EIA Monitoring ต่ำกว่าจำนวนโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 – 2554 มีจำนวนโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ จำนวนทั้งสิ้น 3,940 โครงการ จากการตรวจสอบข้อมูลการรับรายงาน EIA Monitoring จากสรุปผลการดำเนินงานของ สผ. โดยตรวจสอบข้อมูลของรอบที่จัดส่งในช่วงปี พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2554 (ปีละ 2 ช่วง) พบว่า สผ. ได้รับรายงานเข้ามาต่ำสุด จำนวน 911 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 23.12 และสูงสุดจำนวน 1,149 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 29.16 ของจำนวนรายงานที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ในปี พ.ศ. 2541 – 2554 หรือในทางกลับกันอาจกล่าวได้ว่ามีจำนวนรายงานที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ที่ไม่จัดส่งรายงาน EIA Monitoring ให้กับ สผ. จานวน 2,791 – 3,029 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 70.84 – 76.88 โดยทุกกลุ่มโครงการจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ให้กับ สผ. ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะกลุ่มโครงการประเภทอุตสาหกรรมซึ่งมีความเสี่ยงสูงด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อเกิดขึ้นจะส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อประชาชนในวงกว้างดังปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องในระยะที่ผ่านมา
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบโครงการที่ได้รับความเห็นชอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 – 2550 และมีการขออนุญาตและเปิดดำเนินโครงการทั้งหมด แต่จากการตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลของ สผ. พบว่า ฐานข้อมูลของ สผ. ไม่มีข้อมูลในส่วนที่อยู่ในกระบวนการของหน่วยงานอนุญาต ซึ่งได้แก่จำนวนโครงการที่ได้รับใบอนุญาตและมีการเปิดดำเนินโครงการ จำนวนโครงการที่ไม่มีการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานอนุญาต และจำนวนโครงการที่ไม่มีการต่อใบอนุญาต/ปิด/เลิกดำเนินโครงการ โดย สผ. มีเพียงข้อมูลจำนวนโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ทั้งหมดเท่านั้น
ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นถึงจุดเสี่ยงในการควบคุม กำกับดูแลให้โครงการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ให้ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่กากับดูแล ติดตามผลไม่อาจละเลยการควบคุมหรือกำกับดูแลได้แม้แต่โครงการเดียว และยังเป็นอันตรายต่อระบบการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง เนื่องจาก สผ. ไม่ทราบข้อมูลจำนวนโครงการที่อยู่ในข่ายต้องจัดส่งรายงาน EIA Monitoring มาให้ สผ. ในแต่ละรอบการจัดส่ง
นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้สุ่มตรวจสอบโครงการที่ได้รับความเห็นชอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 – 2550 และมีการขออนุมัติหรือขอใบอนุญาตและเปิดดำเนินโครงการ จำนวน 98 โครงการ โดยคัดเลือกจากโครงการที่ สผ. มีข้อมูลว่ามีการเปิดดำเนินการ จากการสัมภาษณ์เจ้าของโครงการหรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อทราบผลการจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ให้กับ สผ. ตั้งแต่ช่วงที่ 1 ของปี พ.ศ. 2550 – ช่วงที่ 1 ของปี พ.ศ. 2553 จำนวนรวมทั้งสิ้น 7 รอบการจัดส่ง โดยใช้ข้อมูลผลการรับรายงานจากโครงการต่าง ๆ ของสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สผ. ตามช่วงดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบ
ทั้งนี้เพียงวันที่เข้าสุ่มตรวจสอบพบว่าทั้ง 98 โครงการยังคงมีการดำเนินโครงการหรือเป็นโครงการที่อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ในแต่ละรอบตามระยะเวลาที่กำหนด ปรากฏว่ามีโครงการเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 47 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 47.96 ของจำนวนโครงการที่สุ่มตรวจสอบ ไม่จัดส่งรายงาน EIA Monitoring มาให้ สผ. ของทุกรอบการจัดส่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 – 2553 โดยพบว่ามีโครงการที่ไม่จัดส่งรายงานของทุกกลุ่มโครงการ โดยเฉพาะกลุ่มโครงการประเภทอุตสาหกรรม พบว่า บางโครงการไม่จัดส่งรายงานของแต่ละรอบตามที่กำหนดเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10.53 ของกลุ่มโครงการประเภทอุตสาหกรรม
ทั้งนี้กลุ่มโครงการดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และอาจส่งผลเสียหายต่อสังคมและประชาชนในวงกว้างได้ และกลุ่มโครงการประเภทบริการชุมชนและที่พักอาศัยจะประกอบด้วยโครงการ 3 ประเภท ได้แก่ โรงแรมหรืออาคารชุด การจัดสรรที่ดิน และโรงพยาบาล โดยเฉพาะประเภทโรงพยาบาลจะมีผลกระทบที่รุนแรงมาก เนื่องจากจะมีขยะมูลฝอยติดเชื้อ สารเคมีเพราะโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะใช้สารเคมีในห้องปฏิบัติการจำนวนมาก คุณภาพน้ำผิวดินเพราะน้ำทิ้งจากกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงพยาบาลอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำผิวดินที่เป็นแหล่งรองรับน้ำทิ้งของโครงการ โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำหรือผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น การตรวจสอบครั้งนี้ได้สุ่มตรวจสอบโรงพยาบาล จำนวน 7 โครงการ พบว่า โรงพยาบาล จำนวน 5 โครงการ ไม่เคยจัดส่งรายงาน EIA Monitoring มาให้ สผ.
จากการสุ่มตรวจสอบหน่วยงานอนุญาตที่กำกับดูแลกลุ่มโครงการที่สุ่มตรวจสอบทั้ง 5 กลุ่ม จานวน 25 แห่ง โดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบว่า หน่วยงานอนุญาตกลุ่มโครงการประเภทบริการชุมชนและที่พักอาศัย จานวน 11 แห่ง ไม่ทราบว่ามีหน้าที่ในการตรวจสอบ กำกับดูแลให้โครงการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA
นอกจากนี้ หน่วยงานอนุญาตกลุ่มโครงการประเภทบริการชุมชนและที่พักอาศัย จำนวน 18 แห่ง ไม่มีการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ของโครงการในกำกับดูแล โดยยังไม่มีการกำหนดแนวทางและผู้รับผิดชอบการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ทำให้กลุ่มโครงการดังกล่าวจึงปรากฏว่ามีสัดส่วนของการไม่จัดส่งรายงาน EIA Monitoring เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กลุ่มโครงการประเภทอุตสาหกรรมซึ่งได้แก่กรมโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่มีการควบคุมติดตามให้โครงการจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ให้ครบถ้วน
2. การจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่ สผ. กำหนด คือ ตามแนวทางการเสนอรายงาน EIA Monitoring กำหนดให้ต้องจัดส่ง 2 ครั้งหรือ 2 ช่วงต่อปี คือ ช่วงที่ 1 ให้ส่งภายในเดือนกรกฎาคมของปี และช่วงที่ 2 ให้ส่งภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป
จากการตรวจสอบจากฐานข้อมูลการรับรายงาน EIA Monitoring ของ สผ. สำหรับโครงการที่สุ่มตรวจสอบ จำนวน 98 โครงการ ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2552 – 2555 จากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของ สผ. พบว่า จำนวนโครงการที่สามารถเก็บข้อมูลได้มีเพียงจานวน 76 โครงการเท่านั้น โดยจัดเก็บข้อมูลจำนวน 7 รอบการจัดส่ง (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 – 2555) ปรากฏว่า ไม่พบข้อมูลการรับรายงาน EIA Monitoring จากโครงการจำนวนมากกว่า 47 โครงการ โดย สผ. ไม่สามารถระบุได้ว่าโครงการดังกล่าวจัดส่งรายงาน EIA Monitoring หรือไม่ ประกอบกับการบันทึกชื่อโครงการลงระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์อาจคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับชื่อโครงการที่ใช้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ หรืออาจใช้ชื่อย่อในการบันทึกข้อมูล ทำให้หาข้อมูลไม่พบจากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
จากการตรวจสอบข้อมูลการรับรายงาน EIA Monitoring ที่สามารถค้นพบมากที่สุดในบางช่วง จำนวน 29 โครงการ ทั้งนี้ จากข้อมูลผลการรับรายงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 – 2555 พบว่า การจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ของโครงการไม่ตรงกำหนดเป็นส่วนใหญ่ในทุกปี โดยมีจำนวนตั้งแต่ 9 – 20 โครงการ หรืออยู่ในช่วงประมาณร้อยละ 52.94 – 90.91 และมีโครงการจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ตรงกำหนดจำนวนตั้งแต่ 2 – 9 โครงการ หรืออยู่ในช่วงประมาณร้อยละ 9.09 – 47.06 โดยปรากฏว่าบางโครงการล่าช้ามากกว่า 3 เดือนขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 14.04 และ 14.81 ของช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 ตามลำดับ
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานอนุญาต จำนวน 25 แห่ง พบว่า หน่วยงานอนุญาตส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 72.00 ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่ต้องจัดส่งรายงาน EIA Monitoring และไม่เคยมีการควบคุมติดตามให้โครงการจัดส่งรายงานเพื่อให้เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาแต่อย่างใด โดยเฉพาะกลุ่มโครงการประเภทบริการชุมชนและที่พักอาศัย
จากปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญคือ เกิดความเสี่ยงสูงด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีข้อมูลสำหรับการตรวจสอบ ควบคุม กำกับ ดูแลโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบถ้วน โดยไม่ทราบได้ว่าโครงการที่ไม่จัดทำและส่งรายงานนั้น มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA ครบถ้วนหรือไม่ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณโครงการเป็นไปตามมาตรฐานต่าง ๆ หรือเป็นไปตามที่รายงาน EIA กำหนดไว้หรือไม่
นอกจากนั้นยังทำให้หน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วนและต่อเนื่องที่จะใช้เป็นเครื่องมือสาหรับการวางแผนในการบริหารจัดการเพื่อนำไปสู่การป้องกัน แก้ไข หรือลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของแต่ละโครงการและในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม โดยเฉพาะในส่วนของโครงการที่อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ หรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังขาดข้อมูลภาพรวมผลการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ของโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ทั้งหมด ซึ่งทำให้ประชาชนไม่เกิดความเชื่อมั่นต่อโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการได้
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรี และเลขาธิการสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการดังนี้
1. นายกรัฐมนตรี พิจารณาดำเนินการดังนี้
1.1 เร่งหาข้อสรุปกรณีกำหนดหน่วยงานที่ต้องมีบทบาทหน้าที่ในการติดตาม กำกับดูแลโครงการให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว ว่าหน่วยงานใดบ้างที่ต้องเข้ามามีบทบาทในการติดตาม กำกับดูแลโครงการทุกกลุ่มประเภทโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ และมีการขออนุญาตจากหน่วยงานอนุญาตและเปิดดำเนินโครงการ ให้ปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA และจัดส่งรายงาน EIA Monitoring ให้ครบถ้วนตรงตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้กระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เกิดความมั่นใจว่ามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบบริเวณโครงการอยู่ในมาตรฐาน
1.2 ในฐานะประธานกรรมการของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต้องกำกับดูแล ติดตาม ให้ผู้เกี่ยวข้องกับระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมทั้ง สผ. หน่วยงานอนุญาต และเจ้าของโครงการต้องให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA และจัดทำและส่งรายงาน EIA Monitoring โดยเคร่งครัด เพราะหากเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นจะส่งผลกระทบและความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประชาชนจำนวนมาก ทั้งนี้ปัจจุบัน เรื่องสิ่งแวดล้อมทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสนใจและจับตามองเป็นอย่างมาก
2. เลขาธิการสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาสั่งการให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ให้ความสำคัญกับการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ในเรื่องดังต่อไปนี้
2.1 ปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามรายงาน EIA Monitoring ให้มีข้อมูลที่ครบถ้วน สามารถนำมาประเมินสถานการณ์ความสำเร็จของการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ เพียงใด และเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ประกอบการกำกับดูแลภาพรวมรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA โดยข้อมูลที่ สผ. ควรมีการปรับปรุง อาทิเช่น
1) สถานภาพการเปิดดำเนินการของโครงการต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญในการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA
2) ระบบการจัดเก็บข้อมูลการรับรายงาน EIA Monitoring ให้สามารถตรวจสอบเรื่องความครบถ้วน และกำหนดเวลาการรับรายงาน
3) สรุปผลการปฏิบัติตามรายงาน EIA Monitoring ของโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งหมดของแต่ละรอบการจัดส่งรายงาน
2.2 ประสานกับหน่วยงานอนุญาต เพื่อหาแนวทางในการเชื่อมโยงข้อมูลและการจัดส่งข้อมูลที่สำคัญต่อการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA ให้กับ สผ. อาทิเช่น สถานภาพการเปิดดำเนินโครงการ ผลการต่ออายุใบอนุญาต ผลการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA เพื่อการกำกับดูแลหรือติดตามอย่างทั่วถึง และใช้จัดทำเป็นฐานข้อมูลภาพรวมรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และเพื่อนามาประเมินสถานการณ์ความสำเร็จของการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA
2.3 นำข้อมูลภาพรวมจากรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน EIA รายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงความสำเร็จของระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ตลอดจนนำเสนอปัญหา อุปสรรค ที่เป็นเชิงระบบและต้องบริหารจัดการร่วมกันหลายหน่วยงาน เช่น การรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานอนุญาตให้กับ สผ. เพื่อหาแนวทางแก้ไขให้ระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสามารถนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ตามเจตนารมณ์ และให้นำข้อมูล
ดังกล่าวนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้รับทราบสภาพ ปัญหาทั้งหมด พร้อมแนวทางแก้ไข เพื่อให้พิจารณาสั่งการในฐานะฝ่ายบริหารต่อไป
