‘กลุ่มรักษ์อนุสาวรีย์ชัยฯ’ ค้านกทม.กลับคำ ยกพื้นที่ให้นายทุนแผงลอย
‘กลุ่มคนรักษ์อนุสาวรีย์ชัยฯ ค้านกรุงเทพฯ กลับคำ ยกพื้นที่ทางเท้าให้นายทุนแผงลอยเพิ่มกว่า 100 ราย หวั่นลิดรอนสิทธิคนเดินถนนไม่มีเส้นทางสัญจร

เร็ว ๆ นี้ กลุ่มคนรักษ์อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ออกแถลงการณ์คัดค้านการอนุญาตให้ผู้ค้ากว่า 100 ราย ที่ไม่ได้รับการผ่อนผันค้าขายบนทางเท้าโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ กลับมาขายได้อีก เพื่อหวังคืนพื้นที่ทางเท้าให้คนเดินถนน
โดยมีรายละเอียดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดเป็นนโยบายอย่างชัดเจนว่า จะจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยตามทางเท้า ให้มีอยู่เฉพาะในแนวผ่อนผันเท่านั้น ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตผ่อนผันไม่สามารถวางแผงค้ากีดขวางทางเท้าได้ โดยจะตรวจสอบความเหมาะสมของผู้ได้รับอนุญาต ว่าเป็นผู้ได้รับความเดือนร้อนและเป็นผู้ค้าขายตัวจริง ตามเกณฑ์ของกรุงเทพมหานครหรือไม่ เนื่องจากระยะหลังมีนายทุนพยายามกว้านสิทธิการได้รับการผ่อนผันและนำไปปล่อยเช่าต่อ โดยไม่ได้ค้าขายเอง
“บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นบริเวณหนึ่งที่ประสบปัญหานี้อย่างหนัก ภายหลังเริ่มการจัดระเบียบโดยสำนักงานเขตราชเทวี เห็นได้ชัดว่าบริเวณนี้มีความเป็นระเบียบมากขึ้น ประชาชนเดินทางไปมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อาคารร้านค้าโดยรอบสามารถค้าขายได้อย่างเป็นปกติ”
แถลงการณ์ เปิดเผยอีกว่า แต่กลุ่มคนรักษ์อนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งเกาะติดปัญหานี้ในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ มาแต่ต้น พบว่ามีการรวมตัวของผู้ค้าที่เสียประโยชน์จากนโยบายนี้ เพื่อกดดันต่อผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการฯ ซึ่งกำกับนโยบายนี้ จนล่าสุดได้มีการเจรจาเพื่อผ่อนปรนนโยบาย อนุญาตผู้ค้าที่ไม่ได้รับการผ่อนผันให้ลงชื่อเพื่ออนุญาตให้สามารถค้าขายบนทางเท้าได้เพิ่มอีกกว่าร้อยราย รวมทั้งบนลานหน้าร้านพงหลีซึ่งมีหลักฐานการเวนคืนโดยกทม.เพื่อทำเป็นสวนสาธารณะ แต่ปัจจุบันกลับให้เอกชนใช้เป็นพื้นที่พาณิชย์และลานเบียร์ ซึ่งเป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญของผู้ที่อยู่ในย่านนี้
“ทางกลุ่มเห็นว่า หากผู้บริหารของกรุงเทพฯ ยอมตามง่ายๆ เช่นนี้ สภาพของกรุงเทพฯ จะกลับไปเป็นเมืองที่ไร้ระเบียบเช่นเดิม เพราะหากยอมผ่อนปรนในบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯได้ ก็เป็นการยากที่จะไม่ผ่อนปรนในบริเวณอื่น ๆ” แถลงการณ์ระบุ และว่าผู้บริหารกรุงเทพฯ ต้องอย่าลืมว่า แท้จริงแล้วทางเท้าไม่ใช่ที่ ๆ เป็นใครจะเอาค้าขายเพื่อประโยชน์ตนได้ พื้นที่ผ่อนผันที่มีอยู่ ก็เป็นลิดรอนสิทธิของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ไม่สมควรที่จะอนุญาตเพิ่มเติมใด ๆ ทั้งสิ้น .
ที่มาภาพ:http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1362907160&grpid=03&catid=03
