ปปช.สืบจากเช็ค ล่าโกงจำนำข้าว!
"ปู" ปัดสอบ "สุภา" ไม่เกี่ยวการเมือง โยนคลังดำเนินการ ลั่นให้ความยุติธรรมเต็มที่ "ป.ป.ช." เดินหน้าลุยทุจริตรับจำนำข้าว ตรวจแคชเชียร์เช็คขายข้าวจีทูจี 1,460 ฉบับ หวังสาวหาต้นตอคนร่วมเอี่ยว "กมธ.งบฯ" จี้อคส.ปล่อย 2 โรงสีขึ้นบัญชีดำสุโขทัยรับจำนำข้าวรัฐบาล "นิวัฒน์ธำรง" เตรียมถกแผนระบายข้าวในสต็อก 10 ก.ค.นี้
เมื่อวันอังคาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล กรณี น.ส.สุภาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา และถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมืองว่า ตอนนี้เรื่องอยู่ที่หน่วยงาน คงจะต้องไปดูในรายละเอียด และเชื่อว่าทางกระทรวงการคลังจะให้ความยุติธรรมอยู่แล้ว แต่คงไม่ได้มองในประเด็นการเมือง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าวยังไม่มีผลสรุปอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากพบทุจริตจุดไหน ก็จะดำเนินการทางคดีทันที แต่คงต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือสรุปเป็นรายละเอียดก่อน เพราะเขาก็ทำงานอยู่ และทางเรากำลังเร่งรัดอยู่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยได้รับฟังเสียงสะท้อนของ ส.ส.หลังจากลงพื้นที่ไปรับฟังประชาชนเรื่องโครงการรับจำนำข้าวพบชาวบ้านเข้าใจถึงเหตุผลการลดราคาจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท รวมถึงการปรับราคาจำนำข้าวกลับมาอยู่ที่ 15,000 บาท ซึ่งชาวบ้านยังต้องการให้รัฐบาลคงนโยบายจำนำข้าวไว้
ขณะที่นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการไต่สวนคดีใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.การดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และ 2.การระบายข้าว
นายกล้านรงค์กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าว ป.ป.ช.ได้ขอเอกสารไปยังส่วนราชการต่างๆ และได้รับเอกสารแล้วจากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เป็นมติของ ครม.ทุกครั้งในส่วนของเรื่องโครงการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เป็นข้อมูลทางวิชาการในโครงการ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นรายงานความคิดเห็นในเชิงวิชาการ กระทรวงการคลัง เป็นในส่วนที่เป็นความคิดเห็นและข้อมูลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นรายงานข้อมูลหนี้สาธารณะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเรื่องข้อมูลการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกประจำปี 2554/55 และกระทรวงพาณิชย์ เป็นข้อมูลในส่วนของการดำเนินโครงการและการระบายข้าว
"สำหรับประเด็นดังกล่าว ป.ป.ช.ได้สอบพยานบุคคลไปแล้วทั้งหมดจำนวน 11 ปาก อาทิ ฝ่ายผู้ร้อง ตำรวจ องค์การคลังสินค้า (อคส.) น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง และนักวิชาการ" นายกล้านรงค์กล่าว
กรรมการ ป.ป.ช.ผู้นี้กล่าวว่า ส่วนประเด็นการระบายข้าว ป.ป.ช.ได้รับเอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน สลค. เป็นมติ ครม.เกี่ยวกับการระบายข้าวทุกครั้ง อคส.เป็นข้อมูลการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ส่งออกนอกราชอาณาจักร ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับแคชเชียร์เช็คตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องที่ได้ส่งมาให้ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ เป็นเอกสารชี้แจงการระบายข้าว กรมศุลกากร เป็นข้อมูลการส่งออกข้าวจำนวน 3 ครั้ง และกรมการค้าต่างประเทศ
นายกล้านรงค์กล่าวว่า ในการสอบปากคำพยานในประเด็นการระบายข้าว ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไปแล้วหลายราย อาทิ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจากการไต่สวนทั้งหมด ป.ป.ช.พบว่ามีข้อมูลความเคลื่อนไหวของทางธนาคาร โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งแคชเชียร์เช็คที่เกี่ยวกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มาให้ ป.ป.ช.ทั้งหมด 1,460 ฉบับ
"ในแคชเชียร์เช็คจำนวน 1,460 ฉบับนี้ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าออกมาจากธนาคาร 6 แห่ง ซึ่ง ป.ป.ช.กำลังสอบสวนกลับไปอีกว่าบุคคลที่ซื้อเช็คในแต่ละฉบับเป็นใคร และซื้อจากบัญชีใดบ้าง โดยจะต้องสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อแคชเชียร์เช็คด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร ในขั้นตอนนี้ยอมรับว่าต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะมีแคชเชียร์เช็คจำนวนมาก และแยกกันอยู่ในธนาคาร 6 แห่ง นอกจากนี้ ก็กำลังขอเอกสารในการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเพิ่มเติม" นายกล้านรงค์กล่าว
เขายืนยันว่า การทำงานไม่ได้ล่าช้า ป.ป.ช.รวบรวมข้อมูลได้บางส่วนแล้ว แต่ปัญหาคือแคชเชียร์เช็คจำนวนดังกล่าวเราจำเป็นต้องย้อนกลับไปตรวจสอบทุกฉบับว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างไร
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 โดยพิจารณางบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนงบประมาณขององค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การการค้าเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และ ธ.ก.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมมีการอภิปรายเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวอย่างกว้างขวาง โดยนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ข้องใจโครงการนี้สำเร็จ ขาดทุน และกระทบต่อเงินแผ่นดินมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ถามถึงโรงสีโชคชัยธัญญากิจ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย และโรงสีบัวทองธัญญากิจ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย มีสถานะถูกขึ้นบัญชีดำของ อคส. แต่เข้าร่วมโครงการรับจำนำกับรัฐบาลได้ จนมีเสียงลือมีคนทำเงินหล่นในกองข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า ชี้แจงว่า โรงสีทั้ง 2 แห่งไม่มีประวัติขึ้นบัญชีดำกับ อคส. ส่วนการพิจารณาว่าโรงสีใดจะสมัครเข้าร่วมโครงการปี 2555/56 ที่ผ่านมา โรงสีมีข้อกำหนด อนุกำกับดูแลโครงการรับจำนำข้าว ให้ไปสมัครที่จังหวัดเป็นผู้ตรวจพิจารณา แจ้งผลการตรวจรับรองให้ อคส.รับทราบเพื่อทำสัญญาและเปิดจุดรับจำนำ
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย กมธ.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ขอสงวนการปรับลดงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ลง 5%
ที่กระทรวงพาณิชย์ มีรายงานว่า ในวันที่ 10 ก.ค. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการระบายข้าว โดยประเด็นหารือสำคัญคือแผนการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล รวมถึงการกำหนดแผนการเยือนกลุ่มประเทศผู้นำเข้าข้าว และแผนการขายผ่านการเปิดประมูล ซึ่งกำหนดเปิดระบายเป็นการทั่วไปปลาย ก.ค.นี้ โดยประเทศผู้นำเข้าข้าวที่นายนิวัฒน์ธำรงมีแผนจะเดินทางเยือน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเชีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน โตโก และอิหร่าน
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ ประธานบริษัท อุทัยโปรดิวส์ จำกัด ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิรายใหญ่ กล่าวว่า ตลาดส่งออกข้าวช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นตลาดของผู้ซื้อ เพราะปริมาณซัพพลายในตลาดมีสูงทั้งในมือของผู้นำเข้าเองและผู้ส่งออก โดยเวียดนามกำลังจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดในเดือนนี้อีก 5 ล้านตันข้าวสาร แบ่งเป็นบริโภคภายใน 2.5 ล้านตัน ที่เหลือจะส่งออก เช่นเดียวกับอินเดีย ที่ยังมีปริมาณข้าวอยู่อีกมาก ขณะที่ไทยกำลังมีแผนระบายข้าวเช่นกัน
"มีความเป็นห่วงว่าการระบายข้าวอาจต้องพิจารณาประเด็นราคาขายให้มีความเหมาะสม เพราะข้าวไทยมีส่วนต่างราคาสูงกว่าคู่แข่ง ทั้งข้าวขาวและข้าวหอมมะลิ โดยข้าวหอมมะลิราคาของไทยสูงกว่าตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เวียดนามเฉลี่ยที่ตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น รวมทั้งหากไทยระบายข้าวในราคาลดลงจากต้นทุนหรือราคาตลาดปัจจุบัน คู่แข่งอย่างอินเดียก็อาจมีการลดราคาลงต่ำเพื่อแย่งตลาด ซึ่งอาจทำให้แผนระบายข้าวไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้" ประธานบริษัท อุทัยโปรดิวส์ จำกัด กล่าว
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายนิวัฒน์ธำรงระบุจะระบายข้าวเดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 2-3 แสนตัน ซึ่งจะทำให้ระบายข้าวได้ 6-9 แสนตันว่า จากข้อมูลในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีข้อกำหนดว่าประเทศไทยจำเป็นต้องระบายข้าวให้ได้เดือนละ 5 แสนตัน ซึ่งตนไม่เชื่อว่า รมว.พาณิชย์จะสามารถระบายข้าวได้จริงตามที่กล่าวอ้าง
"สิ่งที่รัฐบาลต้องบอกความจริงกับคนไทยคือประเทศกำลังจะขาดทุนต่อเนื่องใช่หรือไม่ เพราะถ้าขายข้าวได้เดือนละ 5 แสนตัน ตามที่มีการกำหนดเป้าหมายใน กขช. หากขายในราคาตลาดที่ 12,000 บาทต่อตัน ในขณะที่ต้นทุนของรัฐบาลอยู่ที่ 23,000 บาทต่อตัน เท่ากับรัฐบาลจะขาดทุน 11,000 บาท ดังนั้นหากขายข้าวได้ 5 แสนตันต่อเดือน ภายใน 6 เดือนรัฐบาลจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท"
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขอถามนายนิวัฒน์ธำรง รัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมารองรับ เพราะถ้าขาดทุนต่อเนื่องเพิ่มอีก 30,000 ล้านบาท จากตัวเลข 2.6 แสนล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเปิดเผยไว้ ก็เท่ากับว่าจนถึงสิ้นปี 2556 ตัวเลขขาดทุนจากโครงการนี้อย่างต่ำจะสูงถึง 3 แสนล้านบาท.
ขอขอบคุณข่าวจาก

