แกะรอยคลิป “หนูช่วยราชสีห์” เรื่องราว-ตัวละคร ใครเป็นใคร?
ไม่น่าแปลก ที่เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2556 "พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา" หรือ "บิ๊กอ๊อด" รมช.กลาโหมไม่ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถามต่อ กรณี "คลิปเสียงลับ" สะเทือนวงการการเมืองไทย ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันในเวลานี้ ว่าเป็นเสียงของตนเอง กำลังพูดคุยกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หรือไม่

เพราะหลายคนก็ประเมินไว้แล้วว่า ขืน พล.อ.ยุทธศักดิ์ แถลงหรือพูดมาก จะยิ่งเข้าตัว สู้ปล่อยให้เรื่องสิ้นกระแสความไปเองดีกว่า
กระนั้น ก็มีเนื้อหาหลายท่อนในคลิปที่น่าแกะรอยอยู่ไม่น้อย เพราะขนาดคนที่วงในหลายๆ คน ก็ยังไม่รู้ข้อมูลลึกๆ ดังที่ปรากฏในคลิปงดังกล่าว จึงไม่แปลกที่ข้อมูลหลายอย่างเป็นเรื่องใหม่ที่คนภายนอกอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน
การแกะรอยคลิปดังกล่าว ยังช่วยต่อจิ๊กซอว์ภาพกว้างการเมือง-การทหาร ในช่วงต่อจากนี้ไม่มากก็น้อย ผ่านเรื่องราวและตัวละครที่ถูกพาดพิงในคลิป
- ที่มาวลีทำคนงง “พี่เอาผมออกมา ต้องเอากลับ”
อย่างเช่น ตอนหนึ่งของบทสนทนาที่หลายคนไม่ค่อยเข้าใจความเป็นมาก็คือท่อนที่ว่า
ชายคนที่ 2 (ที่เสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ) - มันเป็นหน้าที่พี่นะ พี่เอาผมออกมา พี่ต้องเอาผมกลับ (หัวเราะ)
ชายคนที่ 1 (ที่เสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมบอก ... โอ้โห! ตอนท่านพูดกับผม ผมบอก โอ้โห นี่หนูช่วยราชสีห์แล้วนะ ผมดีใจนะ ดีใจจังได้ช่วยราชสีห์สักครั้งหนึ่ง
ชายคนที่ 2 - เอาออกไป ต้องเอากลับมาให้ได้
ประโยคสนทนาดังกล่าว ทำเอาหลายคนสงสัยกันมากว่ามันหมายถึงอะไร ?
เมื่อมาย้อนเรื่องราวการเมืองโดยคิดบนหลักว่าเสียงในคลิปคือเสียง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่จะมีวลี "เอาออกไป ต้องเอากลับ"
เพราะตามหลักปกติเวลามีการพิจารณาคดี "คดีอาญา" ในชั้นศาล การที่ "จำเลย" จะออกนอกประเทศ จะต้องทำเรื่อง "ขออนุญาตออกนอกประเทศ" ต่อศาลซึ่งเป็นผู้พิจารณาคดีที่ต้องคุมเข้มเรื่องนี้ "เพื่อป้องกันการหลบหนีออกประเทศ"
ซึ่งในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะพบว่าหลังพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับไทยช่วงเดือน ก.พ.2551 แล้วก็มาสู้คดี "ทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ" ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้ทนายความที่รับผิดชอบคดีดังกล่าว ไปยื่นคำร้องขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศต่อศาลฎีกาฯ พร้อมกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (นามสกุลขณะนั้น) เพื่อไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณได้รับเชิญไปร่วมงานเปิดในฐานะแขกวีไอพี
ท่ามกลางข่าวหลายกระแส บ้างก็ว่า ด้วยความช่วยเหลือจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ที่เวลานั้นมีตำแหน่งเป็น "ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย" บ้างก็ว่าเป็นเพราะการล็อบบี้รัฐบาลจีนโดยคู่ซี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชื่อว่า "เหยียน ปิน" นักธุรกิจชาวจีนผู้กว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่มาปรากฏตัว โดยศาลฎีกาฯ ตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับออกหมายจับ ซึ่งหลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เคยได้กลับมาเหยียบมาตุภูมิอีกเลย
คำกล่าวของชายเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บอกว่า "พี่เอาผมออกมา พี่ต้องเอาผมกลับ" จึงไม่น่าจะผิดจากตรงนี้
- “แอ๊ว” ไหน คุมนวนคร?
อีกท่อนหนึ่งที่น่าสนใจก็คือตอนที่พูดถึงคนที่ชื่อ "แอ๊ว" ซึ่งในวงการการเมืองทหารแล้วต่างรู้ดีว่าหมายถึงใคร ?
ชายคนที่ 2 - เอ่อ! พี่แอ๊วเป็นไง
ชายคนที่ 1 - ไอ้แอ๊วมันไม่ค่อยสบายฮะ…
จากนั้นเสียงชายคนที่ 1 ก็พูดถึงอาการป่วยและการใช้ชีวิตประจำวันของคนชื่อ ”แอ๊ว” ก่อนตบท้ายด้วยประโยค..แต่มันก็ยังดูแลนิคมอุตสาหกรรมมันอยู่นะครับ
ชายคนที่ 2 - นวนคร
ชายคนที่ 1 - ครับ นวนครครับ ดูแลนวนครอยู่
ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ มีน้องชายที่เป็นอดีตทหารระดับสูงในกองทัพชื่อดังคือ พล.อ.อัครเดช ศศิประภา หรือ "เสธ.แอ๊ว" อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม
ซึ่งเมื่อตรวจสอบเว็บไซด์บริษัท นวนครอุตสาหกรรม จำกัด (www.navanakorn.com) ก็ปรากฏชื่อ พล.อ.อัครเดช เป็น ประธานกรรมการบริษัท
- มินอ่องลาย เคาน์เตอร์พาร์ต บีบทวาย!
ขณะเดียวกันอีกท่อนหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยแต่คนไม่ค่อยพูดถึง ทั้งที่ไม่รู้ว่าป่านนี้สถานทูตพม่าในไทยจะรายงานกลับไปยังประเทศพม่าหรือยัง ว่า พ.ต.ท.ทักษิณที่มีบทบาทมากสุดในการเมืองไทยกับ รมช.กลาโหมของไทย พูดถึงผู้นำการเมืองและการทหารพม่าแบบให้คอยใช้ ผบ.สส.ของพม่าให้เป็นประโยชน์ในโครงการทวายที่มีมูลค่าการลงทุนหลายแสนล้านบาท
โดยเสียงคนเหมือน พล.อ.ยุทธศักดิ์พูดไว้ว่า
"…แล้วเรื่องของพม่า ผมบอกกับนายกฯ ไปแล้วนะครับบอกว่า ใช้ ผบ.สูงสุดให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดเลย เพราะไอ้มินอ่องลาย ซึ่งเป็น ผบ.สูงสุดของพม่า มันเป็นมือหนึ่งของท่านประธานาธิบดีเต็งเส่ง …ไอ้ ผบ.สูงสุดเขากับ ผบ.สูงสุดไทยนี่ มันมาเป็นเคาน์เตอร์พาร์ตกัน ผลัดกันกินข้าวคนละเดือน ถ้าจะบีบอะไรเรื่องทวาย นายกฯ เรียก ผบ.สูงสุดมาใช้ได้อีกงานหนึ่ง เป็นงานต่างประเทศ..ไอ้มินอ่องลายนี่นะฮะ โอ้โฮ มันชั้นหนึ่งเลย ..ไอ้นี่ต้องเอาไว้ ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะ …ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะครับ ถ้าได้ พม่านี่เสร็จเราหมดเลย ต้องเอาให้ได้"
เมื่อย้อนไปตรวจสอบการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารของไทยกับพม่าในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจอันหนึ่งคือ เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2556 ที่ผ่านมา ในการประชุมครม.ทางกระทรวงกลาโหมโดยพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมเวลานั้น ได้เสนอเอกสารตีตรา "ลับ-ด่วนที่สุด" ลงวันที่ 19 เม.ย.2556 เสนอต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อบรรจุเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ให้เห็นชอบเรื่อง "การแต่งตั้งคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมาร์" ฝ่ายไทย หรือ High Level Committee โดยมีกรรมการรวมทั้งสิ้น 12 คน มี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน
มีอำนาจหน้าที่ 6 ข้อ อาทิ ส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อให้พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ มีความสงบเรียบร้อย มีความปลอดภัยและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี –ให้คำแนะนำ ปรึกษาและให้ความเห็นชอบโครงการความร่วมมือต่างๆ ซึ่งเหล่าทัพเสนอ ตลอดจนกำกับดูแลและประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
แม้การเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการลักษณะดังกล่าวระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะมีการทำก่อนหน้านี้มาแล้วสองคณะคือคณะกรรมการระดับสูงไทย-มาเลเซีย และไทย-อินโดนีเซีย ในช่วงเดือน ม.ค.2556 ที่พบว่าองค์ประกอบก็จะคล้ายกับกรรมการไทย-เมียน์มาร์ คือให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานโดยตำแหน่ง
แต่เมื่อถอดบทสนทนาของคลิปดังกล่าวออกมาที่ชายผู้มีเสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่เป็นทั้งอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝายความมั่นคง-อดีต รมว.กลาโหม และตอนนี้เป็น รมช.กลาโหมพูดในประโยคที่ว่า
“ถ้าจะบีบอะไรเรื่องทวาย นายกฯ เรียก ผบ.สูงสุดมาใช้ได้อีกงานหนึ่ง”
คณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมาร์ที่มี ผบ.สส.ที่ก็คือ "พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร" หรือ "บิ๊กเจี๊ยบ" ซึ่งถูกเอ่ยชื่อถึงด้วยในคลิปเสียงดังกล่าวเป็นประธาน
ชั่วโมงนี้ จึงน่าจับตามากกว่า กรรมการระดับสูงไทย-มาเลเซีย และไทย-อินโดนีเซีย แน่นอน
- แนะกินถั่งเช่า มีหลักฐานอ้างอิงจริง
ขณะที่คำฮิตเวลานี้อย่าง "ถั่งเช่า" ที่กลายเป็นวลีฮิต "นายพลถั่งเช่า" จากบทสนทนาตอนหนึ่งที่ว่า
ชายคนที่ 2 - แล้วพี่นี่ยังใช้งานได้ดีอยู่
ชายคนที่ 1 – ตอนนี้ต้องกิน
ชายคนที่ 2 - ไวอะกร้า
ชายคนที่ 1 - (หัวเราะ) กินถั่งเช่าครับ หลังท่านบอกผมก็เลยกินถั่งเช่าครับ วันละตัวฮะ ก็ยังพอจะมีความแข็งแรงอยู่ครับ
เมื่อตรวจสอบ พบว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 6 เมษายน 2556 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ภาพถ่ายสมุนไพรจีน "ถังเช่า" พร้อมระบุผ่านเฟสบุ๊คhttps://www.facebook.com/thaksinofficial ว่า
“ผมไปจีนบ่อยๆมีพรรคพวกเอาสมุนไพรจีนคือ ถังเช่า..มาให้ทาน ..ผมลองทานมาเกือบปีแล้วไม่เป็นหวัดเป็นไข้เลยครับ ผมก็เลยแนะนำให้ท่านนายกฯปูลองทานดู ท่านบอกว่า เวลาเหนื่อยๆแล้วทานรู้สึกดี ลองด้วยตัวเองมาแล้วเห็นว่าดีจริง ก็เลยมาเล่าสู่กันฟัง..”
คลิปเสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ที่ว่า กินถั่งเช่าวันละตัวตามที่ชายที่เสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณแนะนำ จึงมีที่มาที่ไปด้วยประการฉะนี้ แต่จะทำให้ถั่งเช่าแถวเยาวราชขายดีขึ้นหรือไม่ คงต้องไปเดินตรวจตลาดกันดูหน่อย
- ย้ำบทสนทนา คนนอกหมดสิทธิรู้
การแกะรอยคำสนทนาในคลิปเสียงดังกล่าว ล่าสุดมีความเห็นของอดีต "คนวงใน" ที่ย้ำน้ำหนักความน่าเชื่อถือของคลิปดังกล่าวมากยิ่งขึ้นว่าเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ชนิดที่คนนอกยากจะรู้จนถึงขั้นมาเลียนเสียงกันได้
นั่นก็คือคำให้สัมภาษณ์ของ "ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" หัวหน้าพรรครักษ์สันติ ที่เป็นคนกันเองกับ พ.ต.ท.ทักษิณและ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เพราะเป็นอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย-อดีตรองนายกฯ-อดีต รมว.มหาดไทย ยังบอกเลยว่าเนื้อหาการสนทนาบางตอนเป็นข้อมูลลึกและลับจริงๆ คนภายนอกไม่มีทางรู้ได้
ที่ ร.ต.อ.ปุระชัยพูดถึงเนื้อหาตอนหนึ่งในคลิปที่มีบทสนทนาพาดถึงถึงคนชื่อ”สุรยุทธ์”ถูกชายคนที่ 2 ที่เสียงเหมือนพ.ต.ท.ทักษิณตำหนิ ดังนี้
ชายคนที่ 1 - เหมือนไอ้สมัยสุรยุทธ์มัน ที่ท่านด่าในห้องประชุมวันนั้น
ชายคนที่ 2 - เออ สุรยุทธ์มันถึงแค้นนะ เออ ด่าตรงๆ
ชายคนที่ 1 - แล้วพี่จิ๋วเงียบเลย โอ๊ย วันนั้นนะ ท่านพูดแรง แต่มันก็ทำแรง มันทำเกินเหตุนะครับ
ชายคนที่ 2 - มันทำเกินไป จู่ๆ บุกเอาทหารไปยิงพม่า แล้วมาเบิกเงินหลวง เท่ากับรัฐบาลรู้เรื่องสิวะ
ซึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัยเล่าฉาก "อันซีน" ให้ฟังไว้ชนิดต่อจิ๊กซอว์เห็นได้เลยว่า "สุรยุทธ์" ที่ชายทั้งสองคนพูดหมายถึงใคร
“คนที่จะพูดแบบนี้ได้ต้องรู้ลึก เพราะหลายๆเรื่องไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ถอยหลังไปเป็น 10 ปี ในปี 2545 สมัย พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี เป็น ผบ.ทบ. เกิดเหตุปะทะกับประเทศพม่า ซึ่งในตอนนั้นก็มีการเรียกประชุมลับ
"ตอนนั้นผมเป็น รมว.มหาดไทย พ.ต.ท.ทักษิณ, พล.อ.สุรยุทธ, นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.กลาโหม และรวมถึง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ซึ่งสมัยนั้นเป็น รมช.กลาโหม ร่วมประชุมอยู่ด้วย ที่ประชุมลับได้สอบถามว่ายิงปืนใหญ่ไปประเทศพม่าทั้งหมดกี่นัด ได้รับคำตอบว่ากว่า 3 พันนัด เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องลับสุดยอดที่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และถือว่าเป็นข้อมูลวงใน”
- หลายวลีปริศนาต้องแกะรอยต่อ
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีอีกหลายบริบทที่ปรากฏในคลิปเสียงดังกล่าว ที่ตกเป็นที่พูดถึงกันในแวดวงการเมือง-ทหารเวลานี้ เพราะบางเรื่องก็ยังไม่เคลียร์ว่าสิ่งที่ชายสองคนที่เสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์คุยกัน ตกลงเป็นเรื่องอะไร
โดยเฉพาะเรื่องที่พูดถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.โดยต้องเอาเข้าที่ประชุมสภากลาโหมให้ ผบ.เหล่าทัพร่วมพิจารณาเห็นชอบด้วย
เนื่องจากถอดรหัสแล้วคนในวงการเมืองการทหารคิดวิเคราะห์ออกเป็นหลายทิศทาง บ้างประเมินว่าเป็นเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551
อีกบางส่วนฟันธงว่าจากเนื้อหาทั้งหมดของบทสนทนาโดยเฉพาะวลี "หนูช่วยราชสีห์" และ "ภารกิจสุดท้ายที่ต้องทำให้สำเร็จ" ก่อนอำลาการเมืองของชายที่เสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่น่าจะพูดก่อนหน้าปรับ ครม.ปู 5 ไม่เกิน 4-5 วัน จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจากการเสนอร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองทั้งหลาย หลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549
การแกะรอยเนื้อหาบทสนทาในคลิปเสียงดังกล่าวยังมีอีกหลายช่วงตอนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ "แผนยึดกองทัพ" ของชายสองคน ซึ่งคงไม่ใช่แค่ทหารทั้งหลายเท่านั้นที่จะสนใจ ประชาชนทั้งประเทศก็สนใจโดยเฉพาะท่าทีของผู้นำเหล่าทัพ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร !!!
