'ปลอด'ย้ำเดินหน้าต่อ'โครงการน้ำ'
'ปลอดประสพ' ย้ำ โครงการน้ำต้องเดินต่อ ไม่ว่ารัฐบาลไหน ปัดตอบโต้ 'ชทพ.' ยันสัมพันธ์พรรคร่วมยังดี
12 ก.ค. 56 นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับฝ่ายกฎหมายต่อกรณีศาลปกครองมีคำสั่งในโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ว่า ตนกำลังเริ่มทำการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในกลางเดือน ส.ค.และใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ตนได้มีการตั้งอนุกรรมการ กบอ. เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นว่ามีความสอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคำพิพากษาของศาลปกครอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวจะครอบคลุมมาตรา 57 วรรค 2 ตามที่ศาลปกครองมีคำสั่งแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยื่นอุทรณ์แล้วใช่หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า การอุทธรณ์หรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของตน เป็นเรื่องของอัยการ หน้าที่ของตน ทำตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่มีมติให้แลกเปลี่ยนข้อมูล รับฟังความคิดเห็นประชาชน แต่ช่วงนั้นยังไม่รู้ว่าโครงการจะตั้งตรงจุดไหน หรือพื้นที่ใด แต่หลังจากมติครม.วันที่ 18 มิ.ย. เมื่อครม.อนุมัติ 4 กลุ่มบริษัทที่ได้รับคัดเลือกดำเนินการบริหารจัดการน้ำก็ทำให้รู้แล้วว่าทางเทคนิค พื้นที่ดำเนินการอยู่ที่ใด และประชาชนได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ดังนั้นจึงต้องมีการรับความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง เสริมจากที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้อย่างกว้างขวางแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับคำพิพากษาที่ระบุว่า จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างทั่วถึง เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 57 วรรค 2 พูดถึงเรื่องนี้ว่าให้ทำอย่างทั่วถึง
"ที่ทำมาแต่ต้นและจะทำต่อไป ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผังเมือง เรื่องผังเมืองไม่เกี่ยวกับผมจริงๆ ตัวหนังสือในทีโออาร์ทุกฉบับ ทุกขั้นตอนพูดถึงการสำรวจ การศึกษาเพื่อจัดการผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน หมายถึงว่าศึกษาให้รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรที่ทำให้น้ำไม่ท่วมเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวข้องกับผังเมือง เพราะผมไม่มีอำนาจหน้าที่และไม่เคยคิดจะทำ อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังไงก็ต้องเดินหน้าโครงการป้องกันน้ำท่วม เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเสียหายอย่างที่เห็น เกิดแน่ๆ ถ้าไม่ทำ รัฐบาลไหนก็ต้องทำ แต่รัฐบาลนี้ตั้งใจมาก ไม่มีทางที่จะไม่ทำ ส่วนผู้ที่ต้องการล้มโครงการ เป็นพวกชักศึกเข้าบ้าน หาเรื่องให้คนอื่นน้ำท่วม เวลาน้ำท่วมไม่เห็นพูดเลยสักคำ"
นายปลอดประสพ กล่าวถึง การประชาสัมพันธ์และการรับฟังความคิดเห็นประชาชนว่า มติครม.มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกบอ.เป็นเจ้าภาพ โดยจะทำเป็น 4 ภาค ต้น กลาง ปลายน้ำและ 17 ลุ่มน้ำและจะทำทุกจังหวัด ซึ่งจะครอบคลุมทั้งสิ้น 39 จังหวัดและกรณีที่เป็นเขตเฉพาะพื้นที่จะลงไปยังหมู่บ้าน ตำบลและอำเภอ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมประชากร 2-3 แสนคน รวมทั้งจะมีการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุ โทรทัศน์และมีการประชุม จัดนิทรรศการตามรายเรื่อง ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมจะคัดเลือกจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนโครงการ และผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งกลุ่มเอ็นจีโอด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการรับฟังความเห็นประชาชนนั้นรัฐบาลเป็นผู้จัดทำเอง บริษัทเอกชนไม่ได้ทำก็ไม่ได้รับเงินในส่วนนี้ไป
นอกจากนี้นายปลอดประสพ กล่าวถึงกรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ออกมาระบุว่า โครงการของรัฐบาลไม่ได้ป้องกันน้ำท่วมกทม.ว่า โครงการนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ กทม.เนื่องจากมีการปลูกป่าและสร้างเขื่อนกักในพื้นที่ต้นน้ำ ทำแก้มลิง ขุดลอกคูคลองในช่วงกลางน้ำและพื้นที่ปลายน้ำก็มีการสร้างฟลัดเวย์เพื่อระบายน้ำออกด้านข้าง กทม. ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะทำให้น้ำผ่าน กทม.ไม่เกิน 3,500 ล้าน ลบ.ม. น้ำจึงไม่ท่วมกทม. ส่วนการที่ไม่ได้ให้งบประมาณการบริหารจัดการน้ำแก่ กทม.นั้น เนื่องจากตนเป็นผู้ดำเนินการโครงการอยู่แล้ว จะให้กทม.อีกทำไม ยืนยันว่าโครงการนี้สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ทั้งหมด ส่วนที่ระบุว่า กทม.ต้องการให้มีการระบายน้ำ 375 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่เมื่อรัฐบาลไม่ให้งบประมาณมาก็ไม่สามารถทำได้นั้น ก่อนหน้านี้ผู้ว่าฯ เคยบอกว่าจะไม่ให้น้ำผ่าน กทม.แล้วเหตุใดจึงต้องมาของบประมาณในส่วนดังกล่าวอีก อย่างไรก็ตาม จะมีการหารือร่วมกันหรือไม่นั้น นายปลอดประสพ ระบุว่า ที่ผ่านมาก็มีการพูดกันผ่านสื่ออยู่แล้ว แต่อาจจะมีการส่งจดหมายเชิญให้มีการหารือร่วมกัน
ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคชาติไทยพัฒนาออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจนายปลอดประสพ ที่ไปตำหนิกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าไม่ให้ความร่วมมือเรื่องการบริหารจัดการน้ำนั้น นายปลอดประสพ กล่าวว่า เป็นเพียงการพูดคุยภายในพรรคที่มีการแสดงความคิดเห็นของ ส.ส.ภาคอีสาน ที่ถามว่าทำไมทางพรรคจึงไม่เอากระทรวงเกษตรฯมาดูจะได้ช่วยเหลือชาวนา ชาวไร่ ซึ่งตนก็ตอบเพียงว่าเห็นด้วย ซึ่งเป็นการพูดถึงการฟอร์มรัฐบาล เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนก็ชี้แจงไปแล้วว่า ขณะนี้ก็มีนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูกรมส่งเสิรมการเกษตรและกรมข้าวอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องไปทวงคืน เพราะไม่ใช่ของใคร และตนก็ไม่เคยไปตำหนิว่าล้มเหลว อย่างที่ผ่านมาช่วงฤดูแล้งก็มีการจัดการที่ดี ยืนยันว่ายังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ ส่วนกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ใจ เพราะเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของตน จึงรู้จักตนดี แต่หลักสำคัญอยู่ที่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
ขอขอบคุณข่าวจาก

