BRN ให้คำมั่นยุติเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ40วัน "ภราดร" ออกตัวไม่ประมาท
"ดาโต๊ะซัมซามิน" แถลงข้อตกลงร่วม "ไทย-บีอาร์เอ็น" สถาปนาสันติภาพช่วงรอมฎอน ฝ่ายไทยเน้นดูแลความปลอดภัย งดปฏิบัติการที่แข็งกร้าว ขณะที่บีอาร์เอ็นให้คำมั่นยุติเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ 40 วัน ไม่โจมตีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประชาชนทุกศาสนา ไม่ก่อวินาศกรรมสถานที่ราชการ มาเลย์ย้ำฝ่ายใดละเมิดข้อตกลงจะถูกประณามไม่รักความสงบสุข "ภราดร" แย้มไม่ประมาท ห่วงสถานการณ์หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน

ดาโต๊ะ สรี อาห์มัด ซัมซามิน ฮาซิม อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับตัวแทนกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดยขบวนการบีอาร์เอ็น ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่โรงแรม Seri Pacific กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในหัวข้อ "ความเข้าใจร่วมกันในข้อตกลงริเริ่มสันติภาพเดือนรอมฎอน" (Common Understanding Ramadan Peace Initiative 2013)
คำแถลงระบุว่า คณะผู้แทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของไทย และกลุ่มบีอาร์เอ็นได้มีความตกลงและเห็นพ้องต้องกันในหลักการจากการพูดคุยสันติภาพครั้งที่ 4 (อย่างเป็นทางการครั้งที่ 3) ที่จัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 13 มิ.ย.2556 โดยได้บรรลุความเข้าใจร่วมกันในการทำงานเพื่อให้เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ปราศจากความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ความร่วมมือดังกล่าวนี้อยู่ในกรอบเวลา 40 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค ถึง 18 ส.ค.2556 (หมายถึงวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ถึงวันที่ 10 ของเดือนเซาวัล) โดยครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ จ.สงขลา 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สะเดา จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวทางการไทยจะรับผิดชอบภารกิจป้องกันอาชญากรรม เฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน และฝ่ายไทยได้รับประกันเรื่องความมั่นคงปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรืองของพลเมืองทุกคนโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะ พร้อมระงับการปฏิบัติการเชิงรุก รวมไปถึงปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยอันสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบด้วย
ด้านบีอาร์เอ็นจะพยายามและให้ความสำคัญกับการไม่สร้างความรุนแรงต่างๆ รวมไปถึงการทำร้ายด้วยอาวุธ การลอบวางระเบิด และการซุ่มโจมตีต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นบีอาร์เอ็นจะพยายามไม่ก่อวินาศกรรมหรือสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการหรือสาธารณูปโภค
บีอาร์เอ็นยังยืนยันให้คำมั่นถึงสิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยแก่บุคคลศาสนาอื่นที่ไม่ใช่มุสลิม จะปฏิบัติด้วยความเคารพ นับถือ และในช่วงเวลานี้ทั้งทางการไทยและบีอาร์เอ็นจะร่วมกันอย่างยิ่งยวดเพื่อยืนยันให้เดือนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเดือนที่ปราศจากความรุนแรง แสดงออกถึงความจริงใจของทั้งสองฝ่ายเพื่อแสวงหาทางออกในการแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการเจรจาสันติภาพต่อไป
ในตอนท้าย ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าการเจรจาสันติภาพเป็นกระบวนการที่ดีที่สุดที่นำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนและมั่นคงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย หากฝ่ายใดละเมิดความเข้าใจร่วมกันนี้ก็จะถูกประณามว่าเป็นผู้ไม่รักความสงบสุข ไม่ต้องการสันติ และจะถูกประณามดูแคลนโดยคนไทยทั้งประเทศ
"ภราดร"ออกตัวไม่ประมาท - "อภิสิทธิ์"อยากให้บีอาร์เอ็นแถลงเอง
ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังได้รับฟังคำแถลงของดาโต๊ะซัมซามิน ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพว่า มีความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะดีกว่าที่ผ่านมาอย่างมากแน่นอน โดยทางบีอาร์เอ็นได้แจ้งถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน เหมือนกับฝ่ายไทยที่ประสงค์ให้ลดความรุนแรงในพื้นที่ลงให้ได้ อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยยังไม่ประมาทเหมือนเดิม เพราะเดือนนี้อาจจะหยุด แต่หลังจากนี้ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร แต่ถึงกระนั้นเมื่อครบเดือนรอมฎอนแล้วก็จะนำไปสู่การพูดคุยครั้งต่อไป และจะหยิบยกสถิติความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนมาพิจารณา
"เราเชื่อว่าขบวนการใหญ่ที่ก่อเหตุอยู่มีบีอาร์เอ็นเกี่ยวข้อง ฉะนั้นถ้าขบวนการใหญ่หยุด มันก็น่าจะลดลงได้มาก เราจะใช้หลักเกณฑ์ชี้วัดจากสถิติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนมาตรการเชิงรับในการรักษาความปลอดภัยเราทำเต็มที่ตามเดิม แต่หากเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าขึ้นมา มาตรการเชิงรุกที่จะใช้บรรเทาสถานการณ์เราก็ต้องนำมาปฏิบัติการอย่างเข้มข้นต่อไป พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้เฝ้ามองอยู่แล้วว่าความรุนแรงเกิดขึ้นจากฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายเราไม่เกิดแน่ ตอนนี้ได้ดึงประชาชนให้มาร่วมกันดู ร่วมกันสังเกตการณ์ และประณามผู้ที่ทำให้เกิดความรุนแรง" เลขาธิการ สมช.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นถี่ในช่วงเดือนรอมฎอน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะยุติการพูดคุยกับบีอาร์เอ็น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เมื่อเจตนารมณ์ดีอยู่แล้วก็คงไม่หยุด แต่ต้องมาพิสูจน์ทราบร่วมกันให้ได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นฝ่ายไหน พวกไหน เมื่อซักว่าถ้ามีลักษณะปากว่าตาขยิบจะทำอย่างไร เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า "เราพิสูจน์ทราบได้ ก็สามารถไปพูดคุยได้ว่าทำไมจึงเกิดขึ้น ดังนั้นเขาต้องบอกว่าถ้าเกิดจากพวกเขามันคือกลุ่มใด และเขากับเราจะดำเนินการกลับกลุ่มนั้นอย่างไร หากการพูดคุยแสดงว่าเขาไม่สามารถสืบสภาพให้เราได้ เราก็ต้องมาหยิบยกไปพูดกับกลุ่มอื่นต่อไป" พร้อมระบุว่าจนถึงขณะนี้ให้เกณฑ์ความมั่นใจสูงเกินครึ่ง แต่คงต้องเฝ้าดูจากเหตุการณ์จริงด้วย
ในวันเดียวกันก่อนหน้านั้น พล.ท.ภราดร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง โดยได้ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงเหตุระเบิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ค. ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 8 นายที่ อ.รามัน จ.ยะลา ว่า ทางบีอาร์เอ็นแจ้งว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตน ซึ่งโดยหลักการก็เข้าใจอยู่ว่ามีส่วนน้อยที่คิดต่าง ก็คงต้องให้โอกาสและคอยดูต่อไป
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนได้รับฟังการแถลงของดาโต๊ะซัมซามินว่า อยากให้แถลงร่วมกันโดยมีฝ่ายบีอาร์เอ็นเข้าร่วมด้วยมากกว่า เพื่อจะได้มีความชัดเจนเรื่องจุดยืนการลดเหตุรุนแรงของบีอาร์เอ็นจริงๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : บรรยากาศการแถลงที่กัวลาลัมเปอร์
ขอบคุณ : เจ้าหน้าที่ประสานงานฝ่ายไทย เอื้อเฟื้อภาพ
