ปธ.ทนายมุสลิม จ.ยะลา เผยชาวบ้านยังร้องเรียนถูก จนท.ใช้ความรุนแรง
ปธ.ศูนย์ทนายความ จ.ยะลา เผยชาวบ้านยังร้องเรียนถูก จนท.รัฐใช้ความรุนแรง หลังเริ่มตั้งโต๊ะคุยบีอาร์เอ็น กว่า 10 กรณี-แนะบีอาร์เอ็นประกาศเหตุป่วนใดไ่ม่ใช่ฝีมือตน

(อาดีลัน อาลีอิสเฮาะ)
นายอาดีลัน อาลีอิสเฮาะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.ยะลา กล่าวว่า หลังจากตัวแทนรัฐบาลเข้าสู่กระบวนการพูดคุยสันติภาพกับแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ตั้งแต่เดือน ก.พ.ปี 2556 แม้สถิติความรุนแรงด้านเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยเฉพาะความสูญเสียต่อ "เป้าหมายอ่อนแอ" ได้แก่ ครู เด็ก ผู้หญิง และคนชรา จะลดลง แต่ความรุนแรงด้านอื่นๆ กลับไม่ลดตาม โดยเฉพาะความรุนแรงต่อผู้ที่ถูกตัั้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้มูลนิธิได้รับการร้องเรียนมาแล้วกว่า 10 กรณี มีอาทิ ห้ามมิให้ญาติพี่น้องเยี่ยมผู้ต้องสงสัย ห้ามมิให้ผู้ต้องสงสัยปฏิบัติศาสนกิจ ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างถูกควบคุมตัว ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งในวันที่ 15 ก.ค.2556 ตนได้นำคำร้องเรียนดังกล่าวเข้าพบเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อขอคำชี้แจง พร้อมกับไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นอีก
นายอาดีลัน กล่าวว่า ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าสถิติการก่อเหตุรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอนและเดือนเซาวัลจะลดลงตามถ้อยแถลงที่ตัวแทนรัฐบาลไทยกับแกนนำบีอาร์เอ็นลงนามความเข้าใจร่วมกันว่าจะยุติก่อเหตุรุนแรงหรือไม่ แต่ตนมีข้อเสนอว่าหากระหว่างนี้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น แกนนำบีอาร์เอ็นต้องประกาศว่าเหตุการณ์ใดที่เป็นฝีมือของบีอาร์เอ็น เหตุการณ์ใดไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น เพื่อเป็นการคัดกรองเบื้องต้น เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้มีแค่บีอาร์เอ็นเท่านั้น
“ผมสนับสนุนให้ตัวแทนรัฐบาลไทยกับแกนนำบีอาร์เอ็นเดินหน้าพูดคุยกันต่อไป แต่ควรจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมด้วย อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องของคนเพียง 20 คนเท่านั้น” นายอาดีลันกล่าว
เมื่อขอให้แสดงความเห็นกรณีที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ถูกรวมไปในพื้นที่ยุติก่อเหตุรุนแรง ทั้งๆ ที่ อ.สะเดาไม่มีเหตุรุนแรงมายาวนาน นายอาดีลัน กล่าวว่า อาจเป็นเพราะ อ.สะเดา เป็นเส้นทางเดียวที่สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางประเทศมาเลเซียได้ ต่างกับอำเภออื่นๆ ใน จ.สงขลา ความสำคัญของ อ.สะเดาจึงเป็นทางเชื่อมจากประเทศไทยสู่ประเทศมาเลเซีย ส่วนจะมีนัยยะใดแอบแฝงอยู่หรือไม่ ตนไม่ขอแสดงความเห็น.
-อ่านประกอบ
