“ทรูมูฟ” ขอเคลียร์ ! ต่อเวลาคืนคลื่น 1800 “เราจะไม่เอากำไรแม้แต่บาทเดียว”
“...มีหลายคนกล่าวหาว่า กสทช.ทำแบบนี้เอื้อประโยชน์กับทรูมูฟ ปีนี้สัมปทานจะหมดลง ทรูมูฟไม่ต้องจ่ายสัมปทานกับ กสท. ทรูมูฟจะกำไรไม่รู้เรื่องเลย ผมดูแลเรื่องการเงินทราบดี ว่าถ้าลูกค้าลดจาก 17 ล้านหมายเลข เหลือแค่ 3 ล้านหมายเลข ผมจะอยู่ได้ไหมล่ะครับ...”

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2556 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. .... หรือร่างประกาศคุ้มครองผู้ใช้บริการฯ ขึ้นที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ซึ่งร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาคืนคลื่นความถี่ ออกไปอีกไม่เกิน 1 ปี ภายหลังสิ้นสุดอายุสัมปทาน โดยอ้างว่าเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการให้ได้รับการบริการอย่างต่อเนื่อง และจะได้มีเวลาในการโอนย้ายค่ายเพื่อหลีกเลี่ยงกรณี “ซิมดับ” โดยจะบังคับใช้กับคลื่น 1800 MHz ที่จะหมดอายุสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย.2556 นี้ เป็นคลื่นแรก
ทั้งนี้ ร่างประกาศคุ้มครองผู้ใช้บริการฯ ออกมาท่ามกลางข้อครหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ที่มีลูกค้าในคลื่น 1800 MHz อยู่กว่า 17 ล้านเลขหมาย (ส่วนบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด ที่มีลูกค่าในคลื่นเดียวกัน มีลูกค้าอยู่เพียง 5 หมื่นเลขหมาย)
เมื่อมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศฉบับนี้ ตัวแทนบริษัท ทรูมูฟ จำกัด อย่าง “นายนพปฎล เดชอุดม” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงขอใช้โอกาสนี้ ชี้แจงข้อครหาดังกล่าว
โดยช่วงแรก ซีเอฟโอเครือทรูฯ รายนี้ กล่าวสนับสนุนร่างประกาศฉบับนี้ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะ ว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า กสทช.มีอำนาจเต็มที่ในการเข้ามาจัดการเรื่องนี้ เพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้บริการต่อเนื่อง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายแบบที่ว่าสั่งอะไรก็ได้ การจะทำเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จ ต้องเรียกร้องให้ 3 ฝ่ายมาร่วมรับผิดชอบ ทั้ง กสทช. ผู้ให้สัมปทาน (บมจ.กสท โทรคมนาคม) และผู้ให้บริการ
“ทั้ง 3 ฝ่าย ต้องทำงานร่วมกันว่าทำอย่างไรจะไม่ให้คนกลัวว่า เราจะมาเอาเปรียบ จะไปทำกำไร ทั้ง กสทช.ต้องกำกับดูแลให้เป็นไปตามประกาศนี้ ไม่ให้การบริการตามประกาศนี้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจ ส่วนผู้ให้บริการอย่างทรูมูฟรวมถึงดีพีซีต้องให้บริการกับลูกค้าจนสิ้นสุดเวลาเปลี่ยนผ่าน แจ้งให้ลูกค้าทราบว่าวันไหนเป็นวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และให้ความสะดวกลูกค้าในการโอนย้าย และสุดท้าย ผู้ให้สัมปทาน คือ กสท. ต้องให้นำโครงข่ายมาให้บริการอย่างต่อเนื่อง และให้ความสะดวกในการจัดสรรคลื่นใหม่อย่างไม่สะดวก”

(นพปฎล เดชอุดม - ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
นายนพปฎล กล่าวว่า ขอกล่าวถึงความจริง วันที่ 16 ก.ย.2556 หลังสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทาน ลูกค้าทรูมูฟในระบบที่ใช้ 2G อยู่กว่า 17 ล้านเลขหมาย ถามว่าจะทำให้เหลือศูนย์ภายใน 1 ปี เป็นไปได้ไหม บริษัทตระหนักดีกว่าทางออกที่ดีที่สุดก็คือการจัดประมูลให้เร็วที่สุด ตนเคยกล่าวบนเวทีรับฟังความเห็นคลื่น 2100 MHz ว่าจริงๆ แล้วคลื่นที่สำคัญกว่าคือคลื่น 1800 MHz ที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 2556
“มีหลายคนกล่าวหาว่า กสทช.ทำแบบนี้เอื้อประโยชน์กับทรูมูฟ ปีนี้สัมปทานจะหมดลง ทรูมูฟไม่ต้องจ่ายสัมปทานกับ กสท. ทรูมูฟจะกำไรไม่รู้เรื่องเลย ผมดูแลเรื่องการเงินทราบดี ว่าถ้าลูกค้าลดจาก 17 ล้านหมายเลข เหลือแค่ 3 ล้านหมายเลข ผมจะอยู่ได้ไหมล่ะครับ”
เขาให้เหตุผลประกอบว่า เพราะถ้าเป็นธุรกิจทั่วไปอื่นๆ คงปิดบริษัทไปได้เป็นส่วนๆ แต่ของเราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะลูกค้า แม้จะเหลืออยู่ 1 แสนหมายเลข ก็กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่สามารถหยุดให้บริการพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้
“ผมจึงขอเสนออย่างนี้ว่า ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ขอให้ กสทช. ผู้ให้สัมปทาน และผู้ใช้บริการ มาร่วมรับผิดชอบ โดยบริษัทจะไม่ทำกำไรแม้แต่บาทเดียว หากกำไรบริษัทจะแบ่งให้ กสทช.กับ กสท.คนละครึ่ง แต่ถ้าขาดทุน ให้ทั้ง กสทช.กับ กสท.แบ่งไปคนละครึ่งด้วย ดังนั้น ที่บอกว่า ทรูมูฟจะมาหาผลประโยชน์ จะมายึดคลื่น เลิกกลัวได้แล้ว สิ่งที่คนกลัวคือ เวลาที่ชาวบ้านจำเป็นต้องใช้คลื่น แต่กลับโทร.ออกไม่ได้” ตัวแทนทรูมูฟรายนี้ยืนยัน.
