“ปริญญา” อ่านใจ “เพื่อไทย” ...รัฐบาลอยู่รอด สำคัญกว่านิรโทษฯ ทักษิณ
“...ถ้า พท.ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมา ว่ายังไงก็ตามหลักการของร่างกฎหมายนิรโทษฯ จะไม่มีเรื่องแกนนำ นปช. คุณทักษิณ คนสั่งการ ให้ตกลงกันในชั้นหลักการ ถ้ามีการแปรญัตติเข้าไปก็เท่ากับว่าผิดหลักการ มันจะแปรญัตติไม่ได้ ให้ตกลงกันตรงนี้ซะ ความหวาดระแวงมันก็ไม่เกิดขึ้น ทำให้การเมืองเบาลง...”

(ปริญญา เทวานฤมิตรกุล - ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)
เมื่อเมฆฝนเริ่มตั้งเคล้าดำทะมึน “การเมือง” ในฤดูฝนก็เร่งอุณหภูมิให้ “ร้อน” ขึ้นได้ไม่ยาก
เพราะเมื่อ “คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร” (วิปรัฐบาล) ตัดสินใจเคาะให้ “สภา” พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) “กลุ่มฝ่ายต้าน” ก็ประกาศพร้อมชุมนุมคัดค้านทันที
องคาพยพฝ่ายต้านถูกจัดเซ็ตรูปขบวนกันมานาน เริ่มผลิดอกออกผลสะสมกำลังกันได้พอสมควร โดยเฉพาะ “กลุ่มหน้ากากขาว” ที่โชว์พลังผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค สามารถรวมพลได้จำนวนหนึ่ง
“องค์การพิทักษ์สยาม” รุ่นสอง ที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยน “แกนนำ” ไปบ้าง แต่ก็เปลี่ยนแค่ “หน้าฉาก” ส่วน “หลังฉาก” ยังเป็นคนกลุ่มเดิม ดังนั้น “แฟนคลับขาจร” แก๊งสนามม้านางเลิ้งยังอยู่ เป่านกหวีดเมื่อไรพร้อมเมื่อนั้น
แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดหนีไม่พ้น “พรรคประชาธิปัตย์” ที่เคลื่อนไหวผ่าน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป. ซึ่งประกาศเคลื่อนไหวต่อเนื่อง หากในวันที่ 7 ส.ค.2556 สู้ในสภาฯแล้วแพ้
“สำนักข่าวอิศรา” จึงติดต่อไปยัง “ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองแบบมองไปข้างหน้า
“ปริญญา” เริ่มต้นวิเคราะห์อย่างเข้มข้น ว่า การที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯไม่มีการนิรโทษฯให้แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้เงื่อนไขของความขัดแย้งเบาลงไป แต่ ปชป.มองว่าอาจจะมีการแปรญัตติขยายขอบเขตของ พ.ร.บ.นิรโทษฯ เพิ่มเข้ามาได้ และ ปชป.กังวลว่าจะมีการนำร่างอื่นมาสวมเพิ่มเติม ปชป.จึงเรียกร้องให้ถอนร่างอื่นออกไป ตรงนี้จะเป็นเงื่อนไขได้
“ถ้า พท.ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมา ว่ายังไงก็ตามหลักการของร่างกฎหมายนิรโทษฯ จะไม่มีเรื่องแกนนำ นปช. คุณทักษิณ คนสั่งการ ให้ตกลงกันในชั้นหลักการ ถ้ามีการแปรญัตติเข้าไปก็เท่ากับว่าผิดหลักการ มันจะแปรญัตติไม่ได้ ให้ตกลงกันตรงนี้ซะ ความหวาดระแวงมันก็ไม่เกิดขึ้น ทำให้การเมืองเบาลง”
ปริญญา กล่าวว่า หาก พท.ทำเหมือนที่บอกได้ แล้ว ปชป.ตั้งหน้าตั้งตาไม่เอา ทักท้วงแบบเดิมด้วยการยึดเก้าอี้ประธานสภา ขว้างแฟ้ม มันไม่เป็นผลดีกับ ปชป.อย่างแน่นอน ดังนั้นอยู่ที่ พท.ว่าจะเลือกเล่นเกมยังไง การเมืองจะแรงหรือไม่ จะเดือดหรือไม่ อยู่ที่การค้านของ ปชป. ส่วน พท.เขาตั้งท่ารอแก้เกมอย่างเดียว
ปริญญา มองเกมการเมืองนอกสภาว่า เกมการเมืองนอกสภาก็จะสอดรับกับในสภา ถ้าไม่มีเงื่อนไขมาจากสภา เงื่อนไขนอกสภาก็จะลดลง จึงอยู่ที่ พท.จะทำอย่างไร
“ถ้า พท.เล่นเกมแรงเดินหน้าอย่างเดียวไม่สนใจอะไร ก็สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงแน่ๆ เช่น ถ้า พท.บอกว่าจะขอนิรโทษฯ ให้คุณทักษิณเลย นอกสภาแรงแน่ แต่ผมคิดว่า พท.เขาไม่ทำหรอก สิ่งที่ พท.ต้องการมากที่สุด คือต้องเอารัฐบาลไว้ ต้องเอาอำนาจรัฐไว้ ส่วนนิรโทษฯ ให้คุณทักษิณถ้าได้ ก็ดี แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้ ทำแล้วรัฐบาลอยู่ไม่ได้ เขาก็ไม่ทำ เขาจะปล่อยให้นิรโทษฯ ประชาชนไปก่อน แล้วค่อยรอจังหวะหลังกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า”
ปริญญา มองการจัดตั้งของฝั่งตรงข้ามรัฐบาลว่า มันอาจจะมีการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรอเงื่อนไขในสภา ถ้าเงื่อนไขในสภามันเข้าทางม็อบก็เดินต่อได้ เงื่อนไขอื่นตอนนี้ปลุกไม่ขึ้น อย่างที่บอกว่าถ้า พท.ไม่นิรโทษฯ ให้แกนนำ ไม่นิรโทษฯให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกอย่างจบ
ปริญญา วิเคราะห์ต่อว่า ตอนนี้มองว่าพรรคการเมือง เริ่มมองข้ามช็อตไปการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว แม้จะเหลืออีก 2 ปี แต่ก็มีการประเมินแล้วว่าโอกาสอยู่ครบวาระของรัฐบาลมีน้อยลง รัฐบาลมีสิทธิอยู่ครบ แต่ตนมองว่ารัฐบาลจะตัดสินใจยุบสภา
“กระแสตอนนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง จากโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ถ้าหากรัฐบาลขาลง แต่ ปชป.ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นขาขึ้นของตัวเองได้ ช่องว่างของตัวเลข ส.ส.จะหดแคบเข้ามายาก”
“ปริญญา” ทิ้งท้ายว่า เลือกตั้งครั้งหน้า “เพื่อไทย” ยังชนะ “ประชาธิปัตย์”
...หน้าที่ของ “ประชาธิปัตย์” คือทำ “ช่องว่าง” ให้แคบลงให้ได้ เผื่อจะมีอะไรพลิกผัน
โดยการแสดงท่าทีในสมัยประชุมครั้งนี้มีความสำคัญต่อ “ประชาธิปัตย์” อย่างมาก.
