'พงษ์ศักดิ์'ยันพรุ่งนี้คุมน้ำมันรั่วได้
"พงษ์ศักดิ์" ยันพรุ่งนี้คุมสถานการณ์ได้ ระบุมีคราบน้ำมันเพียง 5-6% ของเกาะเสม็ด สั่งการเร่งขจัดน้ำมันตามโขดหิน หาดทรายฟื้นแหล่งท่องเที่ยว
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการลงพื้นที่ หาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง เพื่อตรวจความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันปนเปื้อนที่หาดอ่าวพร้าว ว่า ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์จากสาธารณรัฐโมซัมบิก สั่งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันเร่งด่วนเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จากการขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจพื้นที่ และการรายงานจากหน่วยงานต่างๆที่ร่วมมือกันกำจัดคราบน้ำมัน ต่างยืนยันว่าคราบน้ำมันที่เข้ามายังอ่าวพร้าวขณะนี้ถือเป็นพื้นที่เพียง 5-6% ของเกาะเสม็ดทั้งหมด และทุกฝ่ายพยายามสกัดกั้นไม่ให้กระจายไปยังจุดอื่น โดยขณะนี้พบว่ามีบางสว่นไปยังบ้านเพแต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งวางทุ่นป้องกันไว้แล้วจึงน่าจะมีเพียงส่วนน้อยที่เข้าไป คาดว่าคืนนี้คราบน้ำมันจะเบาบาง และพรุ่งนี้คงจะคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด จากนั้นจะเร่งทำความสะอาดหายทราย โขดหินต่างๆที่เปื้อนน้ำมันดิบ
"หลังจากพรุ่งนี้จะเป็นการขจับคราบตามโขดหิน ปะการัง เพื่อเก็บรายละเอียดเพื่อที่จะให้ทุกอย่างคืนสู่กลับธรรมชาติให้เร็วสุด ซึ่งจุดนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูจึงสั่งให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่ไว้ตลอดเวลาจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และสำคัญ บมจ.พีทีทีจีซี ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดชึ้นอย่างเต็มที่ โดยให้ดูแลผลกระทบต่อประชาชนและคนในพื้นที่ รวมทั้งยังให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเสนอขึ้นมา เพื่อเข้าไปเยียวยาได้อย่างทั่วถึงและถูกจุด ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร่งตรวจสอบถึงสาเหตุที่ชัดเจน" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีกลุ่มประชาชนจะฟ้องร้องต่อปัญหาดังกล่าวนั้น นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า คงไปห้ามไม่ได้ แต่อยากให้ประชานเข้าไปเจรจากับ พีทีทีซีจีซี โดยตรงจะดีกว่า เพราะบริษัทพร้อมรับผิดชอบอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามมองว่าคนในพื้นที่ส่วนใหญ่คงไม่ฟ้องเพราะได้ลงพื้นที่เข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แต่คนที่ฟ้องร้องมักจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมหรือบางรายอาจตั้งใจจะฟ้องอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC หารือกับบริษัทน้ำมัน และเจ้าของแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลแห่งอื่นๆ ตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จัดหาอุปกรณ์การกำจัดคราบน้ำมันเพิ่มเติมให้เพียงพอในการรองรับภาวะวิกฤติน้ำมันรั่วขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถเรียกใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์จากต่างประเทศที่ต้องใช้เวลานานในการขนส่งนาน รวมทั้งวางระบบป้องกันภัย และการฝึกซ้อมเพื่อรับมือการรั่วไหลน้ำมันครั้งใหญ่ได้ เพราะในปัจจุบันระบบฝึกซ้อมป้องกันภัยรับมือการรั่วไหลของน้ำมันเพียงไม่กี่พันลิตร ขณะที่ในครั้งนี้มีน้ำมันรั่วไหลถึง 5 หมื่นลิตร

